มติกกต.ให้พรรคประชาชนปฏิรูปของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” สิ้นสภาพ

มติกกต.ให้พรรคประชาชนปฏิรูปของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” สิ้นสภาพ

กกต. มีมติให้พรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสภาพตามที่ร้องขอยุบพรรคตัวเอง ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แม้จะไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคตัวเองของนายไพบูลย์แต่ท้ายที่สุดก็เห็นว่ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ แต่ตั้งข้อสังเกตเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และได้แสดงความเป็นห่วงว่า พรรคเล็กอื่นอาจทำตาม

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณาตามที่ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปได้มีหนังสือแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า พรรคประชาชนปฏิรูปขอเลิกพรรคการเมือง ตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีความเห็นว่า

มีกรณีที่เป็นเหตุให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา 91 (7) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 จึงเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณา

วันนี้ กกต. ได้พิจารณากรณีดังกล่าวแล้ว เห็นว่า พรรคประชาชนปฏิรูปมีเหตุสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง จึงเห็นควรประกาศการสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูปในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

กรณีนี้ นายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า กรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ยื่นกกต.ขอยุบพรรคตัวเองทำได้ โดยไม่ต้องจัดลำดับบัญชีรายชื่อใหม่ ส่วนคะแนนยังคงติดตามตัว จะเปลี่ยนแปลงกรณีเดียวคือมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 1 ปีโดยพบการทุจริต

ขณะที่ นายสติธร ธนานิธิโชติ รักษาการผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า แสดงความเห็นข้อสังเกตที่อาจจะพรรคเล็กอื่นๆ จะทำตาม “ไพบูลย์โมเดล” ว่า ต้องพิจารณาให้ดี เพราะการยุบพรรคตัวเองไปรวมกับพรรคใหญ่เท่ากับหมดอำนาจการต่อรอง เพราะสถานะภาพ ส.ส. เท่าเดิมและไม่ได้ทำให้พรรคเล็กมีความมั่นคงมากขึ้น เนื่องจากเป็นคะแนนเดิมที่ได้รับจากการเลือกตั้งมา

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง