ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ “พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ” อดีตเลขาฯ บุญทรง 896 ล้านบาทเศษ ชี้พฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ
เวลา 14.00 น. วันที่ 17 พ.ค. 62 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด เป็นผู้ร้อง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็นจำเลย เรื่องขอให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน
คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และข้าราชการการเมืองฯ ได้รับเเต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์)
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2558 ชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับพวกรวม 113 คน ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเเละการระบายข้าว และร่วมสนับสนุน นายภูมิ กับพวกรวม 5 คน กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 86 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าวร่ำรวยผิดปกติ ต่อมาคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จแล้วปรากฎหลักฐานว่า ผู้ถูกกล่าวหามีทรัพย์สินเป็นเงินฝากธนาคาร เงินลงทุนในหลักทรัพย์ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและยานพาหนะ มากเกินกว่าฐานะและรายได้ที่ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งต่อกรมสรรพากร และมากกว่ารายได้ที่แสดงในบัญชีแสดงรายภารทรัพย์สิน เละหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ผู้ถูกกล่าวหายักย้าย ถ่ายเท ซุกซ่อนนำทรัพย์สินของตนเองให้บุคคลใกล้ชิดรวม 6 คนครอบครองแทน ได้แก่ นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ หรือ นางสาวชุฏิมา วัชรพุกกะ อดีตคู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา , นางสาวอรชุมา วัจนะพุกกะ บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ , พล.ต.ต.วีระวัฒน์ วัจนะพุกกะ และนางอรณี วัจนะพุกกะ บิดาและมารดาของผู้ถูกกล่าวหา นายสมาน ญาติมิ และนางสาวชุตินันท์ ญาติมิ บิดา และหลานของนางชุฏิมา
คณะอนุกรรมการไต่สวนจึงให้ผู้ถูกกล่าวหาและบุคคลดังกล่าวชี้แจง ผู้ถูกกล่าวหาไม่ชี้แจงเหตุผลใด ส่วนบุคคลที่ถือครองทรัพย์รวม 5 คน เว้นแต่นางสาวชุตินันท์ ชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่คณะอนุกรรมการเห็นว่าคำชี้แจงดังกล่าวไม่อาจรับฟังได้
ต่อมาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวนว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินมากผิดปกติฯ รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้พิพากษาให้ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
หากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินดังกล่าวได้ทั้งหมด หรือได้แต่บางส่วน ขอบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 83
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกาศคำร้องในที่เปิดเผยแล้ว ผู้ถูกกล่าวหา นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ หรือนางสาวชุฏิมา วัชรพุกกะ , นางสาวอรชุมา วัจนะพุกกะ และนางสาวชุตินันท์ ญาติมิ ไม่ยื่นคำคัดค้าน ส่วนพล.ต.ต วีระวัฒน์ วัจนะพุกกะ นางอรณี วัจนะพุกกะ และนายสมาน ญาติมิ ยื่นคำร้องว่าไม่ประสงค์คัดค้านคำร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนและรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว พิพากษาว่า ทรัพย์สินตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหา มีเพิ่มขึ้นมากผิดปกติอันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ ให้ทรัพย์สินดังกล่าว รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินที่เกิดขึ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
หากไม่อาจบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินตามที่วินิจฉัยมาข้างต้นได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วน ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความสิบปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สิน ที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 38, 80 ประกอบมาตรา 83











