ได้ฤกษ์เปิดซักฟอกคณะรัฐมนตรีปมถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน ขณะที่ช่วงบ่าย ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ “อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ” เป็นเครื่องมือที่รัฐธรรมนูญปี 60 เพิ่มให้ ส.ส. ใช้เป็นครั้งแรก เดิมเครื่องมือนี้เป็นของ ส.ว.เท่านั้น

วันพุธ ที่ 18 กันยายน ตั้งแต่เวลา 09.30-24.00 น. สภาผู้แทนราษฎร ใช้ห้องจันทรา สัปปายะสภาสถาน เปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามที่ฝ่ายค้าน 205 คนยื่นญัตติของเปิดอภิปรายทั่วไปฯ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะรวม 36 คน ประเด็นหลักที่อภิปรายมี 2 เรื่อง คือ
- นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายคำสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ด้วยถ้อยคำไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ซึ่งกำหนดให้รัฐมนตรี กล่าวว่า ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ แต่ในคลิปภาพและเสียงที่ปรากฏในข่าวพระราชสำนักเมื่อ 16 กรกฎาคม 2562 พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้กล่าวถ้อยคำที่ว่า ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ อีกทั้งยังมีถ้อยคำเกินเลยไปจากรัฐธรรมนูญ โดยเพิ่มคำว่า “ตลอดไป” ในตอนท้ายของประโยค
- การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคม 2562 ไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162
“การเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ” ไม่ใช่ “การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ทำให้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่หวั่นไหวมากนัก เนื่องจากไม่มีการโหวต ขณะที่ฝ่ายค้านหวังผลจากการชี้แจงของฝ่ายรัฐบาลกับการประชุมโดยเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม การประชุมสภาสามารถประชุมลับได้ โดยให้เสียงสมาชิก 1 ใน 4 หรือ 125 คนรับรอง หากสภาฯ มีการประชุมลับในประเด็นนี้ จะมีเฉพาะสมาชิกสภาฯ เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องประชุม ห้ามใช้เครื่องบันทึก เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ส่วนสื่อมวลชนต้องอยู่ภายนอก
เช็คความพร้อมรัฐบาล-ฝ่ายค้าน
ส่วนขุนพลฝ่ายค้านเตรียมไว้หลายสิบคน นายสุทิน คลังแสง เปิดเผยกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า งานนี้เบอร์ใหญ่ลงทั้งหมด นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน, อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, สุทิน คลังแสง, ชลน่าน ศรีแก้ว, จิรายุ ห่วงทรัพย์, ปิยบุตร แสงกนกกุล รวมถึงพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
ด้านรัฐบาลนั้น แน่นอนว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายถูกมองว่า จะเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีชี้แจงประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่าย ตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล
(ย้อนหลังคำชี้แจง 5 ส.ค. 2562)
https://www.youtube.com/watch?v=wl-Sg0XXEow
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) หรือไม่
จากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ โดยเห็นว่า ประเด็นแห่งคดีตามคำร้องเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่ทำการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงนัดอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ในวันพุธที่ 18 ก.ย.เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้ หากขาดคุณสมบัติในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เท่ากับว่า กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นโมฆะ ต้องพ้นจากตำแหน่งไปสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ รวมทั้งจะไปพันกับ สมาชิกวุฒิสภาที่แต่งตั้งโดยหัวหน้าคสช.ด้วย นอกจากนี้ การอภิปรายทั่วไปฯ ในสภาฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ต้องยุติลงทันที
อ้างอิง:









