วันที่ 7 ม.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์รายการ Workpoint Today ว่า แนวคิดของตนยังยึดหลักคำสอนพระพุทธเจ้า คือ ปีนี้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ค่อยคิดอะไรเยอะ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่ได้ ไม่ต้องดีที่สุดให้เกิดความทุกข์ อนาคตอย่าไปคิดเยอะมาก สำคัญอดีตอย่าไปย้อน ย้อนไปแล้วทุกข์ ย้อนไปเท่าไรก็ไม่พอใจ ปีนี้ควรใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันให้มาก
เมื่อถามกรณีผลสำรวจนิด้าโพล คะแนนนิยมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะต้องทำอะไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ทำเพราะผลโพล แต่ทำเพราะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี อยากเห็นบ้านเมืองเป็นไปได้ดี โพลไม่ใช่การตัดสินอะไร เพราะสุดท้ายต้องไปว่าตอนเลือกตั้ง มองมุมกลับคุณธนาธร ไม่น่าจะดีใจ หากคะแนนไม่มากมาย แต่ปัญหาน้อยกว่านี้ก็จะดีกว่า
.
ส่วนประเทศไทยทุกวันนี้ นายไพบูลย์ มองว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเสถียรภาพ ถ้าเทียบกับช่วงเลือกตั้ง ดีกว่าปี 2557 ตนให้ความสำคัญเสถียรภาพบ้านเมืองเดินไปได้ ถ้าบ้านเมืองขัดแย้งสูง เป็นรถก็ตกเหว เป็นเรือก็คว่ำ รัฐบาลหรือประเทศชาติจะไปได้ ฝ่ายบริหารต้องมีเสถียรภาพ เอกภาพ เหมือนช่วงเวลานี้
ถามถึงเรื่องกรณีมีการกล่าวหาว่า คนรุ่นใหม่ชังชาติ นายไพบูลย์ กล่าวว่า พบว่ามีการพูดเรื่องนี้หลายปีแล้วในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นำมาใช้และหลายคนมองอย่างนั้น ซึ่งตนมองว่าเป็นวาทกรรมตอบโต้ทางการเมืองอีกฝ่ายที่ก็ใช้หลายคำ ก็ต้องปล่อยเขาทั้ง 2 ฝ่าย นักการเมืองก็ถือเป็นนักรบ เมื่อประสงค์จะรบกันใคร ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องรบกลับ คนไม่เกี่ยวข้องอย่าไปอินมากปล่อยเขาว่ากันไป ตนเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย เอามาวัดกันไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด ขอให้มีสติว่า ถ้าเราคิดอะไรอย่างหนึ่งอีกฝ่ายก็จะคิดอีกแบบ
นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึง บทบาทการเป็น รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า ตนมองว่ารัฐธรรมนูญใช้ได้ ถ้าจะปรับคือทำให้ดีขึ้นบางมาตราให้เป็นประโยชน์กับประชาชน เช่น มาตรา 185 (1) ที่ ห้าม ส.ส. ส.ว. แทรกแซงงานประจำข้าราชการ ทำให้เกิดความจำกัดในการทำงานของ ส.ส.ในพื้นที่ เช่น ส.ส.พาประชาชนไปหาผู้ว่าฯ เพื่อช่วยแก้ปัญหา อาจจะเข้าข่ายนี้ เลยต้องมาปรึกษาหารือ 2 นาทีในสภาแทน เป็นการใช้เวลาแล้วไม่ได้ผล ตนจะระบุเพิ่มให้ว่า เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือความเดือดร้อนประชาชนให้ทำได้ หรือ มาตรา 41 (3) เรื่องสิทธิชุมชน ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐได้ ควรเพิ่มคือรัฐต้องช่วยเหลือเรื่องหานักกฎหมายหรือทนายความด้วย
ส่วนกรณี ส.ว. 250 คนร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ ผ่านการทำประชามติมาแล้ว ซึ่งคนเห็นด้วยมากกว่า และเรื่องนี้เป็นบทเฉพาะกาล ออกแบบไว้สำหรับช่วงเปลี่ยนผ่าน ถ้าไปแตะก็ขัดแย้ง ไม่ต้องแก้เดี๋ยวมันก็หมดสภาพไปเอง ควรไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก่อน
