วันที่ 3 ก.ค. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงข่าวกรณีสืบเนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ. ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ว่าที่ประชุม กมธ. มีมติเสียงข้างมาก 8 คน ให้ส่งเรื่องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดำเนินการเอาผิดในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับวินิจฉัยกรณีดังกล่าวนั้น

นายไพบูลย์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะ กมธ.เสียงข้างมากมีมติให้ยุติการพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงเป็นที่มาที่ตนเสนอญัตติให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พ้นจากตำแหน่งประธาน กมธ. ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 108 (5) โดยเสนอตั้งแต่ ก.พ.ที่ผ่านมา และบรรจุอยู่ในวาระการประชุม เรื่องที่ค้างพิจารณาที่ 5.109 เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะขอให้มีการเลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ประเด็นที่มีข้อถกเถียงเป็นระยะเวลานานยุติลงโดยอาศัยอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้จะไม่จบที่สภาเท่านั้น เพราะเคยเตือน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไว้แล้วแต่ไม่ฟังจึงต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยื่นสภาขอเปิดญัตติด่วนถอดพล.ต.อ.เสรีิพิศุทธ์ เตมียเวส จากกรรมาธิการ ป.ป.ช. เมื่อเดือน ก.พ.
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องเสียงข้างมากในการพิจารณาเรื่องถวายสัตย์ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เคยให้สัมภาษณ์ทีมข่าว workpointTODAY ไว้ว่า กมธ.มีมติครั้งแรก 6-3 ให้เดินหน้าเรื่องนี้ต่อก็จริง แต่หลังจากนั้นก็มีการเชิญผู้ชี้แจงมาอีก พอชี้แจงเสร็จก็ถือว่าต่างวาระแล้ว จึงสามารถเสนอให้มีการลงมติใหม่ได้ ซึ่งการลงมติใหม่ว่าเราได้รับคำชี้แจงจากผู้ชี้แจงเพียงพอแล้วควรยุติหรือไม่ การลงมติก็ให้ยุติเป็น 8-6 เสียง (การลงมติครั้งหลังฝ่ายรัฐบาลได้เสียงเพิ่มจาก จารึก ศรีอ่อน อดีต ส.ส.อนาคตใหม่ ที่ย้ายไปอยู่ พลังท้องถิ่นไท และสลับมาโหวตให้ขั้วรัฐบาล)










