
วันที่ 18 ก.ย. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติขออภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ กรณีรัฐบาลถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญและแถลงนโยบายโดยไม่ระบุที่มาของรายได้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงเฉพาะเรื่องการแถลงนโยบายไม่ระบุที่มางบประมาณ โดยไม่ตอบเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณและออกจากสภาไปก่อน
.
เวลา 16.55 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณว่า การที่นายกรัฐมนตรีหยิบบัตรแข็งออกจากกระเป่ามาอ่าน ทำเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีทุกคนในอดีต ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้จัดเตรียมให้ไม่ได้ต่างจากคนอื่น
.
บัตรแข็งด้านหนึ่งเป็นคำเบิกตัว เมื่อพลิกหน้า 2 จะเป็นคำถวายสัตย์ปฏิญาณ รัฐมนตรีทุกคนกล่าวตามไปทีละท่อนจนจบตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าว
.
แต่ตนจะไม่กล่าวว่าถ้อยคำเป็นอย่างไร ไม่ทราบเบื้องหน้าเบื้องหลังการอ่านไป “ตามนั้น” และ “แค่นั้น” เป็นเพราะเหตุใด
.
แต่อธิบายด้วยคำกลางๆ เพียงประโยคเดียวที่ไม่อาจขยายความอีกว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลและพระมหากษัตริย์ ซึ่งตนไม่ได้พูดเองแต่มาจากเจตนารมณ์ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญก็กล่าวเรื่องนี้ไว้ในคำสั่ง
.

นายวิษณุ ยังยกความต่างของ “ปฏิญาณ” และ “ถวายสัตย์ปฏิญาณ” ว่ามีความต่างกัน กรณีแรก ปฏิญาณ เช่น ส.ส. ส.ว. กล่าวในสภา กล่าวโดยไม่มีผู้รับ ตนจึงคิดว่าไม่มีใครจะมีสิทธิ์ไปเปลี่ยนแปลงถ้อยคำได้ แต่ “ถวายสัตย์ปฏิญาณ” ต้องกระทำต่อพระมหากษัตริย์และจะจบด้วยการมีพระราชดำรัสตอบทุกครั้งไป
.
การถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อสิ้นสุดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ มีพระราชกระแสรับสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ต้องไปตีความ นี่เป็นพระบรมราชานุญาต
.
รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่มีปัญหาใดๆ

.
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ถามย้ำว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปหรือไม่ ซึ่งนายวิษณุ ไม่ตอบประเด็นนี้
.
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย ก็ยืนยันว่า นายวิษณุ พูดไม่จริงเรื่องที่ทุกคณะรัฐมนตรีใช้บัตรแข็งในการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ และย้ำว่า ประเด็นคือทำไมไม่พูดให้ตรงตามรัฐธรรมนุญ มันผิดตรงไหนถ้าจะพูดให้ตรงตามนี้
.
นายสุทิน ย้ำด้วยว่า การอธิบายว่าจะพูดผิดหรือถูกไม่เป็นไร ถ้ามีพระราชดำรัสถือว่าจบแล้ว ตนว่าไม่ใช่









