
จากกรณีมีรายงานว่าเกิดปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ โดยมีความพยายามกดดันให้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้มีการเลือกผู้บริหารพรรคใหม่ โดยสมาชิกพรรคจะเสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรรค และนายสันติ พร้อมพัฒน์ มาเป็นเลขาธิการพรรคแทน
.
รวมทั้งจะให้มีการปรับทั้ง 2 คน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี รมว.คลังและ พลังงาน รวมทั้ง นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา เพื่อปรับ ครม.ใหม่ ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นทีมของนายสมคิด จาตึศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรามเรื่องปรับ ครม.ในที่ประชุมว่าจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง
.
ขณะเดียวกันก็มีไลน์บทสนทนาของ ส.ส.พรรคบางส่วนที่ระบุไม่พอใจการทำหน้าที่ของ นายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ ที่ไม่ดูแล ส.ส.ในช่วงโควิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อไปดูแลชาวบ้าน

วันที่ 2 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐนั้นคงไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย เพราะพรรคเป็นสถาบันทางการเมือง อาจมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่ไม่ถึงกับแตกแยก เมื่อผู้ใหญ่พูดคุย อธิบายเหตุผลกันทุกอย่างก็จบ
.
ขณะนี้เป็นเวลาที่ทุกคนจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ส.ส.พลังประชารัฐทุกคนต่างลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอยู่ทุกวัน งดเว้นการตอบโต้ทางการเมือง
.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในมุมมองด้านสาธารณสุขนั้นรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างดีเยี่ยม แต่สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจนั้นยังต้องมีการฟื้นฟูโดยเร่งด่วนจากนี้ไป

“ขณะนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เตรียมการไว้บางส่วนแล้ว โดยเฉพาะการจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เพื่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ในท้องถิ่น ในชุมชน นอกจากนั้น ยังมีการเตรียมแผนในระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย เพราะเราอาจจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ไปอีกนาน หรือจนกว่าจะมีวัคซีน”
.
ดังนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะดูแลความปลอดภัยของประชาชนควบคู่ไปกับการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ดีที่สุด
.
ภาพ : การประชุมพรรค 7 ม.ค. 2563









