
จากกรณี ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ 6 คน ประกอบด้วย น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ,น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา ,น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต-บางซื่อ ,น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี พญาไท จตุจักร ,น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก ประกาศจุดยืนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ขอให้ผู้ใหญ่ในพรรคเลิกขัดแย้ง แย่งอำนาจ และมุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนนั้น

วันที่ 6 มิ.ย. น.ส.วทันยา นำกลุ่ม ส.ส. อีก 5 คน ลงพื้นที่ ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 24 เขตบางซื่อ เพื่อรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการค้าไม้ ไม้แปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ ย่านประชาคมประชานฤมิตร (ซอยโรงไม้บางโพ) ที่มีปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อเงินกู้แบบผ่อนปรนตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย
น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงการประกาศตัววานนี้ว่า พวกเราทั้ง 6 คนถือเป็น ส.ส.รุ่นใหม่ เข้ามาทำงานสภาครั้งแรก และได้เห็นถึงปัญหาที่ประชาชนทุกข์ร้อน เมื่อมาเห็นปัญหาของพรรคในขณะนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ พวกเราจึงอยากให้ผู้ใหญ่ได้พูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความปรองดอง เพราะวันนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

พวกตนยืนยันว่า การรวมกลุ่มในครั้งนี้ไม่ใช่การรวมเพื่อต่อรองทางการเมือง แต่รวมกลุ่มจากอุดมการณ์และแนวทางที่เหมือนกัน พวกเรามีอายุไล่เลี่ยกัน อยากเห็นการเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนๆ กัน ไม่ใช่การเมืองน้ำเน่าแบบทุกวันนี้ จึงได้รวมกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน วันนี้อยากจะขับเคลื่อนให้พรรคพลังประชารัฐก้าวไปข้างหน้า เพราะพวกตนเคารพผู้ใหญ่และ ส.ส.ทุกคนในพรรค แต่เราก็มีจุดยืนและอยากจะสะท้อนมุมมองของประชาชนให้ผู้ใหญ่ในพรรคได้รับฟัง
น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ที่มีชื่อตนเองจะไปนั่งรัฐมนตรีนั้นว่าไม่ทราบ การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี วันนี้อยากโฟกัสการทำงานในตำแหน่งของ ส.ส.ที่ประชาชนไว้วางใจ ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ขอเดินหน้าทำงานให้กับประชาชนตามอุดมการณ์ของตนเอง
ส่วนคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น น.ส.วทันยา กล่าวว่า จะต้องเป็นผู้นำที่มีความเข้มแข็ง มีความเป็นธรรมให้กับสมาชิกและมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนพรรค เพื่อให้พรรคมีความเป็นหนึ่งเดียวและสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อจะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ตนมองว่าท่านมีความเมตตาและมีความอาวุโส และ ส.ส.ทุกคนให้ความเคารพอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกในการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามต่อว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้จะมีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีความคิดแบบนั้น เพราะตนเชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีความเข้มแข็งที่จะเดินหน้าอยู่ แต่ระบอบประชาธิปไตยอาจจะมีความแตกต่างทางความคิดได้ แต่ยังเชื่อว่าเมื่อทุกคนเข้าใจกัน เราจะยังเดินหน้าได้ทำงานเพื่อประเทศและประชาชนต่อไป เพราะทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถ
ทั้งนี้ ช่วงกลางเดือน พ.ค. มีรายงานข่าวว่า น.ส.วทันยา ได้พบปะหารือกับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เพื่อหารือเรื่องการแยกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ น.ส.วทันยา ออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง
ขณะที่ ส.ส.อีก 5 คน เดิมถูกมองว่าอยู่ในกลุ่ม กทม.ของ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่ระยะหลังได้แยกตัวออกมา