จนท. นำผู้ต้องหา ฆ่าเผานั่งยางหนุ่มใหญ่ ในสวนปาล์ม ที่ จ.ประจวบฯ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 16 มิ.ย. 62 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนและสอบสวน ตำรวจภูธร ภาค 7 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทัศจักร ลีลาโรจนกุลเลิศ พ.ต.ท.สมมาตร สังข์ทอง รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทับสะแก พ.ต.ท.วศพล เรืองจ้อย รอง ผกก.สืบสวน สภ.ทับสะแก ร.ต.อ.วินัย รายละเอียด ร้อยเวรสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัว นายยศพัทธ์ พ่วงเพชร หรือหนู อายุ 37 ปี ตามจับกุมตัวได้ที่ กทม. และ นายณรงค์ หรือบอย รอดเจริญ อายุ 32 ปี ตามจับกุมตัวได้ที่ จ.มุกดาหาร มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คดีฆ่าเผานั่งยาง นายสหภาพ คงคำ อายุ 45 ปี เหตุเกิดที่สวนปาล์มในตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 62

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยเริ่มต้นที่จุดที่ 1 โรงแรมที่ผู้ต้องหาไปพัก ในตำบลอ่างทอง ทางผ่านเข้าไปบ้านหลังที่เกิดเหตุ และจุดที่ 2 บริเวณปากซอยทางเข้าบ้านที่เกิดเหตุ บริเวณร้านค้า ที่ผู้ต้องหาทั้งสองได้แวะไปซื้อน้ำมันเบนซิน พร้อมด้วยเบียร์อีก 4 ขวด
จากนั้นก็ไปชี้จุดที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในสวนปาล์ม โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำแผนเริ่มต้นจากที่ผู้ต้องหาและผู้ตายได้นั่งคุยกันอยู่ที่บริเวณโต๊ะหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อตกลงกันไม่ได้ จึงใช้ไม้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุฟาดเข้าไปด้านหลังของนายสหภาพ เมื่อล้มลงจึงฟาดซ้ำไปที่บริเวณศีรษะ หลายครั้งจนนายสหภาพนิ่งไป
จากนั้นผู้ต้องหาคือนายยศพัทธ์ได้ลากผู้ตายลงจากโต๊ะเพื่อไปเผาในกองไฟ โดยมีนายณรงค์คอยช่วยเหลือ พร้อมช่วยกันเผานายสหภาพจนเหลือแต่กระดูก แล้วก็มานั่งกินเบียร์ย้อมใจ โดยนายยศพัทธ์ได้บอกนายณรงค์ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกกับใคร และก็พากันหลบหนี

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายสหภาพ ที่ถูกฆ่าตาย ติดหนี้ค่ายาเสพติดกับเอเย่นต์ขบวนการค้ายาเสพติด ที่มี นายยศพัทธ์ พ่วงเพชร หรือหนู ร่วมอยู่ด้วย จำนวน 3 ล้านกว่าบาท
โดยเมื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คนออกจากคุกในคดียาเสพติด จึงได้พานายสหภาพผู้ตายมาเคลีย์เงินจำนวนดังกล่าว เมื่อนายสหภาพบ่ายเบี่ยง จึงถูกฆ่าเผานั่งยาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปทำแผนที่ร้านขายของเก่าที่ซื้อยางรถยนต์ และนำตัวไปควบคุมเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีต่อไป










