นายกฯ เผยสาเหตุจำเป็นต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่ออีก 1 เดือน สัปดาห์นี้เตรียมแจ้งรายละเอียดการผ่อนปรนมาตรการกิจกรรม
วันที่ 28 เมษายน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีมติต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) อีก 1 เดือน จนถึง 31 พฤษภาคม 2563 ทำให้การกำหนดเวลาเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น., จำกัดการเข้าออกราชอาณาจักร และการเดินทางข้ามจังหวัด ยังเป็นเช่นเดิม
สำหรับหลักการในการพิจารณาผ่อนปรน นายกฯ กล่าวว่า ต้องนำกิจกรรมทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยจะมีมาตรฐานกลาง ใน 100 เปอร์เซ็นต์ของกิจกรรมจำเป็นต้องแบ่ง เป็น 4 ขั้นตอน ระยะที่ 1-4 แต่ละระยะห่างกันประมาณ 14 วัน เพื่อให้มีการประเมินว่า หลังผ่อนปรนแล้วมีการแพร่ระบาดกลับมาหรือไม่ ดังนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ได้คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย แต่ท่านต้องร่วมมือกับรัฐบาลด้วยในส่วนมาตรการที่ออกมาในชั้นต้นนี้แล้ว ต้องมีมาตรการเสริมของท่านเอง ทั้งท้องถิ่น ผู้ประกอบการขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้าง เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก แต่หากผ่อนคลายไปแล้วมีการแพร่ระบาดก็ต้องปิด ไม่อยากให้ย้อนไปจุดเดิม จึงขอความร่วมมือในระยะที่ 1 ทุกคนทำให้ดีที่สุด โดยแบ่งเป็นกลุ่มสี
“ขอให้ใจเย็นนิดนึง ไหนๆ ท่านก็อดทนก็ผมมาแล้ว ผมก็เจ็บปวดไปกับท่านนั่นแหล่ะ ผมเข้ามาทำงานตรงนี้เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน สถานการณ์วันนี้มันเข้ามากดดันมากมายหลายประการ และไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว …โลกเดือดร้อนไปหมด” นายกฯ กล่าว

นอกจากนี้ ครม. มีมติ ไม่เลื่อนวันหยุด วันนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤษภาคม พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้วันหยุดอยู่กับบ้าน ซึ่งต้องมีการมาตการควบคุมระยะห่างทางสังคมด้วย
ดังนั้น 4 วันนี้จะเป็นวันหยุดเช่นเดิม ประกอบด้วย
วันแรงงาน 1 พ.ค.
วันฉัตรมงคล 4 พ.ค.
วันวิสาขบูชา 6 พ.ค.
วันพืชมงคลวันที่ 11 พ.ค.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงจดหมายเปิดผนึกจาก 20 มหาเศรษฐี ว่า วันนี้ทยอยส่งกลับมาแล้วไม่เห็นมีใครให้เงินรัฐบาลเลย มีแต่ดูแลห่วงโซ่อาหารของตัวเอง มีการเสนอความเห็นทางด้านเศรษฐกิจ เช่น เห็นตรงกันเรื่องบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเขาสัญญาว่าจะดูแลประชาชนให้มากขึ้น วันนี้ไม่ควรจะมีข้าง ควรจะมีข้างเดียวกันหมด คือข้างที่จะดูแลประชาชนของท่าน คนไทยของท่านให้ดีที่สุด… สิ่งที่เห็นตรงกัน โลกหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะโลกจะให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รัฐบาลออกมาตรการใด ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ยืนยัน 20 มหาเศรษฐี ไม่มีใครมาร้องขอผลประโยชน์สักคน









