
“ลุงตู่” ตัดสินใจขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายพรรคพลังประชารัฐ ย้ำตนเองเคยเป็นทหารแต่วันนี้เป็นประชาชน พร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ยอมตายเพื่อแผ่นดิน ถามประชาชนพร้อมจะเดินไปข้างหน้าด้วยกันไหม ขอให้วันที่ 24 นี้ รวมพลังกันไปให้ได้
วันที่ 22 มี.ค. ที่สนามเทพหัสดิน สนามกีฬาแห่งชาติ พรรคพลังประชารัฐ จัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย “เปิดใจประชารัฐ รวมใจประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว” โดยมีรายงานข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอของพรรคจะมาขึ้นเวทีปราศรัยด้วย หลังจากส่งคลิปไปเปิดหลายเวทีปราศรัยก่อนหน้านี้

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า เวทีของพรรคพลังประชารัฐคนมามืดฟ้ามัวดินถ้าเทียบกับเวทีพรรคอื่นเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะ จากการเดินสายปราศรัยทั่วประเทศประชาชนไม่อยากเห็นบ้านเมืองกลับไปเป็นเหมือนเดิม เป็นประเทศที่มีแต่ความขัดแย้ง ไม่มีความปลอดภัย ถ้าไม่มีทหารเราคงไม่มีบ้านเมืองอยู่อย่างทุกวันนี้
“ทหารไม่ได้ยึดอำนาจ แต่เข้ามารักษาบ้านเมืองถ้าไม่มีทหารเราไม่มีวันนี้ รัฐบาลทหาร 4 ปีที่ผ่านมาเห็นหรือยังว่าบ้านเมืองสงบ อยู่ด้วยสุขไม่มีความแตกแยก คนไทยกลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเห็นไหมครับทหารนำความสามัคคีกลับมา”
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า วันนี้มีคนๆ เดียวลุกขึ้นมาสู้ไม่ให้ประเทศกลับไปสู่วังวนเดิม ประเทศไทยวันนี้คือการตัดสินใจสำคัญที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ อีก ช่วง 4 ปีกว่าท่านพอแล้ว ทุ่มเทเหน็ดเหนื่อยเสียสละ คนอย่างท่านไม่ได้หลงในอำนาจไม่ได้คิดสืบทอด แต่ท่านบอกว่า งานของชาติยังไม่เสร็จ

ด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอเปิดใจสั้นๆ ตนไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ แต่เรามาทำพรรคการเมืองเพราะเห็นว่า บ้านเมืองของเรามีความเสี่ยงปัญหาทางการเมือง 2 ขั้วเดิมๆ ซึ่งไม่ว่าไปทางใดก็เข้าสู่ทางตัน มีคนกล่าวหาว่าเราเป็นกลไกสืบทอดอำนาจเป็นพรรคเผด็จการ เป็นสิ่งไม่สร้างสรรค์ สิ่งที่เราสืบทอดคือพลังที่นำพาความสงบสุขให้ประเทศไทย การสร้างรากฐานให้ประเทศไทยก้าวหน้าต่อไป
พรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ “ลุงตู่” ของเราให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ลุงตู่นำรัฐบาลที่ผ่านมา 5 ปี สงบเป็นสุข พี่น้องเราเริ่มกลับมาทำมาหากินได้ เศรษฐกิจเราขยายตัวได้ร้อยละ 4 ถ้าเราไม่ฟื้นตัวจริงนักท่องเที่ยวคงไม่มาปีละ 40 ล้านคน ฝีมือเปรียบเทียบกันได้ และยังแก้ปัญหาอีกหลายอย่างให้ประเทศ ในสถานการณ์วันนี้เอาข้อเท็จจริงมาดู ประเทศไทยไม่มีเวลากลับไปสู่วังวนเดิมๆ อีก ต้องร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทย พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า นายกฯ ลุงตู่ ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางเดียวที่ทำให้ประเทศไทยสดใส

ภาพ : Thai News Pix
จากนั้น 19.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อ เดินทางมาที่เวทีปราศรัย พร้อมทำมือเป็นสัญลักษณ์ ไอเลิฟยู โดยมีทีม รปภ.ประกบจากทางเข้าสนามไปบนเวที ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เข้ามาเก็บภาพ เพราะเป็นการขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐเป็นครั้งแรก หลังจากส่งเพียงคลิปไปเปิดตามเวทีต่างๆ

ภาพ : พรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีกลางที่จัดไว้เป็นพิเศษ พร้อมกล่าวกับผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐว่า สัญญาจะนำทั้ง 77 จังหวัดเดินไปข้างหน้ามีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ตนมาขึ้นเวทีเพื่อขอบคุณคนทั้งประเทศกับความร่วมมือที่ให้มาตลอด 5 ปี แม้จะเหนื่อยแต่ท้อไม่ได้ ตนจะทำต่อไปให้ดีที่สุด จากนั้นแวะหันไปแซวผู้ที่มาฟังว่า “นี่เอา 20 ปีเลยเหรอ เอา 24 ให้ได้ก่อน 24 รวมพลังไปให้ได้”

ภาพ : พรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนเป็นทหารมา แต่วันนี้เป็นประชาชน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สำหรับนโยบายที่ออกมาดีทุกวัน แต่ต้องหาคนมานำแล้วทำให้ได้ ตนยืดหยันตรงนี้ จะทำอย่างเต็มที่ทำให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ทุกวันนี้มีความสุขทุกครั้งที่เห็นประชาชนทุกจังหวัดไปมา 64 จังหวัดมีทั้งคนรัก คนไม่รัก แต่ในนี้คิดว่าตนทุกคน จะมากจะน้อยสิ่งเหล่านี้คือกำลังใจ ถ้าเราจับมือกัน 68 ล้านคนทำได้ทุกอย่าง ลุงอยู่มา 5 ปีรู้ว่าอะไรคือปัญหา ลุงถางทางมาโล่งพอสมควรแล้ว การทำให้บ้านเมืองสงบสุขสำคัญที่สุด ต้องทำให้ยั่งยืนต่อจากนี้ ไป ต้องลดความขัดแย้ง นำความรักความสามัคคีคืนมา

ภาพ : พรรคพลังประชารัฐ
“ผมให้พวกท่านทั้งชีวิตและจิตใจผมจะยอมตายเพื่อผืนแผ่นดินนี้ แผ่นดินที่ให้ผมเกิดให้ผมกิน ให้ผมหลับนอน ให้ผมมีอาชีพ ผมจะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้กับลูกหลานของเราในอนาคต ใครจะไปกับผมหรือเปล่า ประเทศไทยจะต้องไม่ล้มอีกต่อไป จะไม่นั่งรอใครอีกต่อไป เราจะเดินไปข้างหน้าเราจะยืนขึ้นจับมือกันไป จับมือกันเดินไปข้างหน้า ขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณในกำลังใจ ทุกกำลังใจ เราคงได้ร่วมทำเพื่อประวัติศาสตร์ไทย พาประเทศไปในสิ่งที่ดีกว่าอะไรที่ไม่ดีจำไว้ ถือเป็นบทเรียนอย่าให้ใครมาบอกว่าลืมอันนั้น จำอันนี้ หรือให้ไปทำอันนั้น มันไม่มีอนาคตทั้งสิ้น ”
พร้อมกล่าวในช่วงท้ายว่า “ขอบคุณในกำลังใจทุกกำลังใจ หวังว่ากำลังใจนี้จะอยู่กับผมไปอีกนานเท่านาน”










