กรมสุขภาพจิต แนะผู้ป่วยทางจิตที่มีภาวะอันตรายต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

กรมสุขภาพจิต แนะผู้ป่วยทางจิตที่มีภาวะอันตรายต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

บุคคลเจ็บป่วยทางจิตที่มีภาวะอันตราย จำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา สามารถแจ้งตำรวจและบุคลากรทางการแพทย์ ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 พร้อมย้ำปัญหาแก้ไขได้ หากได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

จากพฤติกรรมชายคนหนึ่งที่ตระเวนก่อนเหตุสร้างความวุ่นวายในพื้นที่สาธารณะทั้งรถจอดกลางถนน ปล่อยงู ทำร้ายตนเอง เทน้ำแดงราดหัวกลางห้าง รวมถึงโพสต์ข้อความเชิงข่มขู่ว่าจะปล่อยงูพิษในสถานที่ต่างๆ สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้พบเห็น ซึ่งล่าสุดพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า ชายผู้นี้มีใบรับรองแพทย์ระบุว่า เป็นผู้ป่วยโรคจิตอารมณ์แปรปรวน มีรักษาที่โรงพยาบาล สมเด็จเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 62 แต่ปัจจุบันปฏิเสธที่จะเข้าไปรับยาเพื่อใช้สำหรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ด้านพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชมีมาโดยตลอดเป็นระยะๆ ทั้งที่ในปัจจุบันกระบวนการรักษาทางจิตเวช สามารถควบคุมดูแลอาการทางจิตเช่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การขาดความรู้ ความเข้าใจ และมีทัศนคติด้านลบของประชาชนต่อบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต ทำให้คนกลุ่มนี้ถูกละเลยหรือปฏิเสธจากครอบครัวและสังคม จนไม่ได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม เป็นเหตุให้ความผิดปกติทวีความรุนแรงขึ้น นำไปสู่พฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายทั้งกับตัวผู้ป่วยเอง บุคคลรอบข้างและสังคมได้

การป้องกันแก้ไขปัญหานี้มีพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ให้การคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยและความปลอดภัยของสังคม ตามมาตรา 22 ได้กำหนดให้บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตในกรณีใดกรณีหนึ่ง คือ มีภาวะอันตรายหรือมีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา เป็นบุคคลที่ “ต้อง” ได้รับการบำบัดรักษา และมาตรา 23 กำหนดให้ผู้พบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะมีภาวะอันตรายหรือมีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจโดยไม่ชักช้า

ขอให้ครอบครัว ญาติ และคนใกล้ชิด สอดส่องสังเกตอาการผิดปกติทางจิตของคนในครอบครัว หากสงสัยให้ดำเนินการปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ โทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ถ้าพิจารณาแล้วพบว่ามีภาวะเสี่ยง ให้ส่งต่อเพื่อประเมินรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

และหากพบว่ามีภาวะอันตรายทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม จำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาทันท่วงทีให้รีบโทรแจ้งสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 และสายด่วนตำรวจ 191 นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำตัวเข้ารับการบำบัดรักษาตามกฎหมาย

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง