
นายกฯ ห่วงใยปัญหาราคาข้าวเหนียวแพงกำชับเร่งแก้ไข ย้ำรัฐบาลใส่ใจทุกความเดือดร้อน สั่งทุกหน่วยเร่งผลักดันงานเพื่อประโยชน์ระยะยาว
วันที่ 26 ส.ค.2562 ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวเหนียวสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งขณะนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในควบคุมไม่ให้มีการกักตุนข้าวเหนียวเพื่อตรึงราคาตั้งแต่วันนี้ (26 ส.ค.62) เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุม และให้หารือกับโรงสี ผู้ค้าข้าว และสหกรณ์ ผลิตข้าวเหนียวบรรจุถุงราคาพิเศษ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยด่วน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปด้วย เพราะสาเหตุหลักมาจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตออกมาน้อย แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายหลังผลผลิตฤดูกาลใหม่ออกมาช่วงเดือน ต.ค.เป็นต้นไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจว่า นอกจากรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นในระยะเร่งด่วนแล้ว ทุกหน่วยงานจะต้องเร่งผลักดันงานในความรับผิดชอบเพื่อให้เกิดการลงทุนใช้จ่ายและแก้ปัญหาระยะยาว เช่น การใช้ยางภายในประเทศ การนำน้ำมันปาล์มไปผลิตกระแสไฟฟ้า การนำผลงานวิจัยไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม นโยบายเศรษฐกิจ BCG Model เป็นต้น เช่นเดียวกับปัญหาการจราจรติดขัดใน กทม. โดยเฉพาะบนทางด่วนและโทลล์เวย์ที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามามาก โดยสั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งหาทางแก้ไข พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งได้บรรจุอยู่ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอยู่แล้ว และทุกหน่วยงานก็ได้รับแนวทางขับเคลื่อนไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับฝ่ายกฎหมายของกรมการค้าภายในพร้อมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการจำหน่ายข้าวเหนียวสำหรับชาวบ้านผู้บริโภคในประเทศ ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะมีการใช้ประกาศตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว ฉบับที่ 150 โดยให้อธิบดีกรมการค้าภายในออกหนังสือสั่งการให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงการค้าข้าวทั้งหมดทั้งในประเทศและส่งออก รวมทั้งโรงสีและผู้ค้าส่งให้รายงานสต๊อกข้าวเหนียวมาที่กรมการค้าภายในภายในวันที่ 27 ส.ค. 2562 หากพบไม่รายงานสต๊อกหรือรายงานไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้นจะมีโทษทั้งจำคุกและปรับ โดยจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, กักตุนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท ทั้งนี้ มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์สั่งการพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศดำเนินการตรวจสอบ









