จากกรณีจากกรณีที่แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ออกประกาศ 10 ข้อเรียกร้องแก้ปัญหาสถาบันพระมหากษัตริย์ ระหว่างการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา นำไปสู่ความเห็นที่แตกต่างกันของคนในแวดวงการเมือง โดยฝ่ายที่เห็นว่า ข้อเสนอนักศึกษา ไม่ถือเป็นการจาบจ้วง มีดังนี้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ช่วงดึกคืนวันที่ 11 ส.ค. ว่า
[ อย่าฆ่าอนาคต ]
.
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ นักศึกษาประชาชนที่ออกมาชุมนุมได้ยื่น 3 ข้อเรียกร้องทางการเมืองให้แก่รัฐบาลโดยขอให้ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ยุบสภา 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งข้อเสนอทั้ง 3 นี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และสังคมสามารถถกเถียงกันได้อย่างเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะ
.
แต่เราก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่านอกเหนือจากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประเด็นแล้ว ในการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา รวมถึงการแสดงออกในโลกออนไลน์ และการชุมนุมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ นักศึกษาและประชาชนได้แสดงออกถึงประเด็นที่เป็น Inconvenient Truth หรือ ”ความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ” ของสังคมไทย
.
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับเสียทีว่านี่คือความรู้สึกแห่งยุคสมัย ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นผลผลิตของปัญหาที่พวกเราล้วนมีส่วนร่วมสร้างขึ้นมาและหมักหมมเอาไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน
.
ผมต้องย้ำดังๆ อีกครั้งว่า 10 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของนักศึกษาประชาชนที่ออกมาชุมนุมนั้นไม่เท่ากับการก้าวล่วง-จาบจ้วง-ล่วงละเมิดสถาบันฯ เสมอไป และเราในฐานะพรรค #ก้าวไกล จะยืนยันว่าข้อเสนอแบบนี้ต้องสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ในสังคมประชาธิปไตยที่มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ และมีสติ
.
จึงอยากขอให้ทุกคนทุกฝ่าย เปิดใจรับฟังและแลกเปลี่ยนกันบนความสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ได้มีการพูดคุยกันและรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่
.
ไม่เช่นนั้นแล้ว หากผู้มีอำนาจหรือผู้คนในสังคมไม่ยอมรับฟังเสียงพวกนี้ คิดว่าเสียงพวกนี้เป็นเพียงภัยความมั่นคง เป็นภัยคุกคามของชาติและสถาบัน ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขาจริงๆ เหมือนกับที่ผ่านมาปากของผู้นำก็บอกรับฟังๆ แต่ยังมีการไปคุกคามตามจับคนที่ออกมาพูดอยู่เลย ก็เท่ากับว่าเรากำลังฆ่าอนาคตให้ตายลงไปด้วยมือของเราเอง
.
ในขณะนี้พื้นที่ปลอดภัยของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็กำลังหดหายลงไป ซึ่งเราขอเรียกร้องไปยังสังคมและสถานศึกษาว่าอย่าผลักไสพวกเขาออกไปจากพื้นที่ปลอดภัยเหล่านี้เลย
.
ส่วนเรื่องที่ผู้ใหญ่หลายคนออกมาทั้งแสดงความเป็นห่วงและข่มขู่ว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยการนองเลือดแบบเหตุการณ์ #6ตุลา ผมขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องจบแบบเดิมเสมอไปหากผู้มีอำนาจสามารถอดทนอดกลั้นไม่ใช้ความรุนแรง ไม่หันกระบอกปืนยิงใส่ประชาชน ประวัติศาสตร์ก็จะไม่ซ้ำรอยเดิม
.
สุดท้าย มีคำถามต่อพวกเราในฐานะพรรคการเมืองที่ออกมาเสนอประกันตัวให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีว่าคิดอย่างไร ผมขอย้ำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่การใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้งแค่ 4 วินาทีแล้วจบกันแค่นั้น แต่มันรวมไปถึงการมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกด้วย ดังนั้นถ้าหากประชาชนถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมจากการแสดงออกทางการเมือง พวกเราพรรคก้าวไกลก็พร้อมปกป้องและหนุนหลังประชาชนอยู่เสมอ เพื่อยืนยันว่าเราทุกคนจะมีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดในการแสดงความเห็น
https://www.facebook.com/timpitaofficial/photos/a.1718552874918016/2842388439201115/?type=3&theater

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ แสดงความเห็นตอนหนึ่งทางเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เวลา 22.12 น.ว่า ข้อเรียกร้องยังอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ การไม่เห็นด้วยไม่ใช่ต้องประหัตประหารให้ตายไปข้างหนึ่ง
มีการพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ทำนองว่าเยาวชนนักศึกษาอย่า
ในฐานะที่ผมเป็นผู้หนึ่งที่
การสังหารหมู่นักศึกษาเมื่อ
การที่มีการออกมาเตือนนักศึ
หากไม่ต้องการให้เกิดเหตุกา
ข้อเรียกร้องหรือข้อเสนอของ
ประเทศกำลังอยู่ในวิกฤต นับวันยิ่งร้ายแรงมากขึ้น สาเหตุสำคัญมาจากรัฐธรรมนูญ
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/photos/rpp.357761117358/10158741605597359/?type=3&theater

ไอติม พริษฐ์
ส่วนนายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นในเฟซบุ๊ก คืนวันที่ 11 ส.ค. เวลา 23.47 น. ว่า
เมื่ออนาคตของชาติได้ส่งเสียงอย่างบริสุทธิ์ใจ หน้าที่ของผู้มีอำนาจควรเป็นอย่างไร?
.
ขออย่า “ปิดกั้น” ไม่ให้เขาพูดสิ่งที่ใฝ่ฝัน
.
ขออย่า “ดูถูก” ว่าเขาถูกชี้นำ
.
สายไปแล้วที่จะ “แสดงท่าที” ว่าพร้อมฟัง
.
แต่ต้อง “สร้าง” และ “ปกป้อง” พื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชน แม้ความคิดของเขาต่างจากความเชื่อของคุณ
https://www.facebook.com/paritw/photos/a.1031794373500976/4711655328848177/?type=3&theater










