
ประเด็นคือ – ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เข้าแจ้งความตำรวจ ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดต่อคลิประบุว่า ตนเองเป็นคนสั่งให้ผู้ชุมนุมเผาสถานที่ต่างๆ ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 53
วันนี้ (28 ก.พ. 61) ที่ กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ชลิต มณีพราว รอง สว.(สอบสวน) กก.1 ช่วยราชการ กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ตัดต่อคลิปกล่าวหาว่า เป็นคนสั่งเผาเมื่อการชุมนุมทางการเมือง ในปี 2553

นายณัฐวุฒิ ระบุว่า จากกรณีที่มีบุคคลบางกลุ่มตัดต่อและเผยแพร่คลิปวิดีโอ กล่าวหาว่า ตนเป็นคนสั่งการให้มีผู้ก่อเหตุวางเพลิงในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช.ปี 53 และยังคงกระทำต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ ทั้งที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2553 ที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี ก่อนการประกาศวันชุมนุมใหญ่ ที่สะพานผ่านฟ้า และถ้ารับฟังเนื้อหาทั้งหมด 24 นาที อย่างคนมีสติและเคารพความจริง ก็จะชัดเจนว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้ใดๆทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การตัดต่อคลิปดังกล่าว เริ่มจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นำมาใช้แถลงข่าวหลังยุติการชุมนุม ทำให้ตนซึ่งถูกจองจำอยู่เป็นเวลา 9 เดือนไม่มีโอกาสชี้แจง หลังจากออกมาก็เห็นว่า เวลาล่วงเลยไปมาก และมั่นใจในความบริสุทธิ์ จึงคิดจะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม แต่ปรากฏว่าในชั้นศาล นายถวิล เปลี่ยนศรี ในฐานะเลขาธิการ ศอฉ. ให้การเป็นพยานโจทก์คดีก่อการร้ายว่า ตนพูดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2553 ที่แยกราชประสงค์
ขณะที่ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ให้การว่า ตนพูดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ซึ่งเป็นความเท็จทั้งคู่ถ้าไม่ใช่การโกหก จนเชื่อกันเอง ก็เป็นการใส่ร้ายเพื่อหวังผลในคดีก่อการร้าย และสร้างความชอบธรรมให้การปราบปรามประชาชน ซึ่งตนกำลังทวงถามความยุติธรรมอยู่ขณะนี้.









