ประเด็นคือ – ตำรวจจับกุมสองหนุ่มทำเกษตรคิดสั้นหันมาค้ายาบ้า สุดท้ายถูกจับยึดได้กว่าหมื่นเม็ด ขณะผู้การสั่งเข้มชายแดน วันเด็กห่วงเยาวชน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.พลาเดช เพ็ชรหว้าโง๊ะ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม, พ.ต.อ.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม ร่วมกับ นรข.เขตนครพนม กองทัพเรือ พร้อมชุดสืบสวน แถลงจับกุมแก๊งค้ายาบ้าข้ามชาติ
มี นายธีระวัฒน์ อุปทุม อายุ 27 ปี ชาว ต.กุรุคุ อ.เมืองนครพนม พร้อมด้วย นายสิทธิชัย วงษา อายุ 39 ปี ชาว ต.ดอนเตย อ.นาทม จ.นครพนม พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 11,868 เม็ด โดยจับกุมได้หลังสืบทราบว่า ทั้ง 2 ราย มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และมีการติดต่อลักลอบนำยาบ้าเข้ามาขายในพื้นที่ จึงมีการสืบสวนวางแผนติดตามจับกุมได้ ขณะนำยาบ้ามาพักไว้ที่กระท่อมปลายนาท้ายหมู่บ้าน เขตพื้นที่บ้านโนนยางคำ ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นจับกุมได้พร้อมของกลาง โดยมีการซุกซ่อนไว้ในถุงแพมเพิสเด็ก จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวน
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกันมานานเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน และทำไร่ทำนาเป็นอาชีพหลัก แต่ด้วยรายได้ไม่เพียงพอจึงได้หาทางรับจ้างส่งยาบ้า เพราะรู้จักกับเครือข่ายค้ายาบ้าในพื้นที่ และหวังได้เงินจำนวนมาก จึงรับจ้างทำหน้าที่นำยาบ้ามาพักไว้รอส่งลูกค้าตามนัดหมาย ครั้งนี้ได้ค่าจ้างประมาณ 40,000 บาท แบ่งคนละ 20,000 บาท ซึ่งไปรับมาหลังจากมีขบวนการค้ายาบ้าชาวลาว นำมาส่งที่ริมแม่น้ำโขง ก่อนนำมาพักไว้ในกระท่อมปลายนา แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน ทั้งนี้ ตำรวจจะเร่งสอบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ กล่าวว่า ในพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม ถือว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมยาเสพติด ทั้งยาบ้าและกัญชาอยู่บ่อยครั้ง ยาบ้าที่ตรวจยึดได้มากกว่า 4 ล้านเม็ด ส่วนกัญชามากกว่า 3 ตัน โดยได้มีการกำชับทางตำรวจทุกพื้นที่ ทั้งชายแดน รวมถึงพื้นที่ตอนใน รวม 19 โรงพัก ในพื้นที่ 12 อำเภอ ให้เข้มงวด ตรวจสอบคัดกรองทุกหมู่บ้าน เข้าไปดำเนินการสร้างความร่วมมือ ตรวจสอบหาผู้ค้า ผู้เสพ และมีการจัดตำรวจ ทหาร เข้าไปฝังตัวทุกหมู่บ้าน เน้นหมู่บ้านตามแนวชายแดน จากนั้นจะให้มีการสมัครใจออกมาให้ข้อมูล ปฏิญาณตนกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูบำบัด
เบื้องต้น ได้นำร่องดำเนินการไปแล้วในพื้นที่โรงพักละ 1 หมู่บ้าน รวม 19 หมู่บ้าน เพื่อเป็นการตรวจสอบคัดกรอง ตัดวงจรการค้า เชื่อว่าจะสามารถลดการระบาดได้ และจะต้องมีการเพิ่มความเข้มงวดต่อเนื่อง เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม และสิ่งสำคัญในโอกาสวันเด็ก สิ่งที่กังวลที่สุดคือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องหมั่นตรวจสอบดูแล ไม่ให้ลูกหลานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะที่ผ่านมา พบมีบางกลุ่มตกเป็นทาสยาเสพติดจนหมดอนาคต ทั้งนี้ ตำรวจจะต้องเป็นกำลังสำคัญในการหาทางป้องกันแก้ไขร่วมกับชุมชน ทำให้ชุมชนปลอดยาเสพติด
