อีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่กำลังถูกจับและพูดถึงอยู่ในตอนนี้ ก็คือ การปล่อยตัวสมาชิกแก๊งค้ายาเสพติดมีชื่อฉาวระดับโลกอย่าง ‘บาหลี 9’ กลับออสเตรเลีย หลังจากที่ติดคุกในอินโดนีเซียนานเกือบ 20 ปี จนกลายเป็นปมบาดหมางระหว่างอินโดนีเซียกับออสเตรเลียมายาวนาน
‘บาหลี 9’ คือใคร ทำไมคดีนี้บานปลายจนเป็นเรื่องเป็นราว ถึงขั้นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราจะพาไปทำความรู้จักแก๊งนี้ และไล่เลียงเหตุการณ์ตั้งต้น สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุด ในโพสต์เดียว
1) จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2005 อินโดนีเซียจับกุมชาวออสเตรเลียกลุ่มหนึ่งจำนวน 9 คน ในขณะที่พวกเขากำลังพยายามขนเฮโรอีนออกจากท่าอากาศยานนานาชาติบาหลี โดย 4 คน ถูกจับคาสนามบิน อีก 4 คน ไปถูกจับที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะคูตา และคนหนึ่งถูกจับในขณะที่กำลังพยายามจะขึ้นเครื่องบินหนีไปซิดนีย์ จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘Bali 9’ (อ่านว่า บาหลี ไนน์)
2) หลังถูกจับกุม ทั้งหมดถูกนำตัวไปดำเนินคดี ศาลอินโดนีเซีย มีคำตัดสินให้ประหารชีวิตหัวหน้าแก๊ง 2 คน คือ แอนดรู เฉิน กับ มิวรัน สุกุมารัน แต่ออสเตรเลียไม่เห็นด้วยกับโทษประหารชีวิต เลยพยายามทักท้วงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล
3) ทั้งสองคนถูกประหารชีวิตในปี 2015 ออสเตรเลียไม่พอใจมาก จนถึงขั้นเรียกทูตกลับประเทศไปช่วงหนึ่ง ขณะที่ โทนี แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียในเวลานั้น ก็ออกมาประณามว่า เป็นคำตัดสินที่โหดร้าย และเกินกว่าเหตุ ความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับออสเตรเลียย่ำแย่ลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
4) หลังจากที่หัวหน้าแก๊ง 2 คนถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในอินโดนีเซียไปแล้ว ปี 2018 อินโดนีเซียก็ได้ยอมปล่อยตัว เรเน ลอว์เรนซ์ ซึ่งเป็นสมาชิกที่เป็นผู้หญิงคนเดียวของแก๊งนี้ กลับไปออสเตรเลีย โดยให้ทำทัณฑ์บนไว้ ห้ามไม่ให้เข้ามาในอินโดนีเซียอีก
5) และในปีเดียวกัน ก็ดันมีอีกเหตุการณ์นึงเกิดขึ้นด้วย คือ ทันห์ เหวียน สมาชิกอีกคนของแก๊ง เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง ทำให้สมาชิกของ ‘บาหลี 9’ เหลืออยู่แค่ 5 คน
6) โดยทั้ง 5 คน ประกอบด้วย แมทธิว นอร์แมน, สกอตต์ รัช, มาร์ติน สตีเฟน, เฉิน ซื่อยี่ และ ไมเคิล ชูเกจ ทั้งหมดถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
7) ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวของผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ และทางการออสเตรเลีย ได้พยายามต่อสู้เพื่อให้พวกเขาได้กลับไปรับโทษออสเตรเลีย เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหากต้องอยู่ที่อินโดนีเซียต่อ แต่ความพยายามก็ไม่คืบหน้าไปไหน
8) จนเมื่อเดือน พ.ย. นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซี ไปพบกับ นายปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย ที่เพิ่งรับตำแหน่งในเดือน ต.ค. ในการประชุมเอเปคที่เปรู
9) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียนำเรื่องไปคุยกับผู้นำคนใหม่อินโดนีเซียนอกรอบการประชุมเอเปค คราวนี้ ปรากฏว่าผู้นำอินโดนีเซียรับปาก จะส่งตัวสมาชิกแก๊งบาหลี 9 ที่เหลืออยู่ 5 คน คืนให้ออสเตรเลีย
10) จากนั้น ต้นเดือน ธ.ค. รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรเลีย โทนี เบิร์ก ก็บินไปพบ นายยูสริล อีห์ซา มาเฮนดรา รัฐมนตรีที่ดูแลในเรื่องการประสานงานด้านกฎหมาย สิทธิมนุษยชน ตรวจคนเข้าเมือง และการลงโทษของอินโดนีเซีย ที่กรุงจาการ์ตา เพื่อเจรจาและเตรียมดำเนินการพาผู้ต้องหากลับประเทศ
11) ซึ่งทางฝั่งอินโดนีเซียมีการยื่นเงื่อนไขกับออสเตรเลีย รวมถึงการห้ามไม่ให้ทั้ง 5 คน เดินทางมาที่อินโดนีเซียอีก ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับในเงื่อนไขของกันและกัน นำไปสู่การส่งคืนผู้ต้องหาเมื่อวันอาทิตย์ (15 ธ.ค.)
12) โดยการดำเนินการส่งคืนผู้ต้องหาถูกปิดไว้เป็นความลับ ไม่มีการเผยแพร่ออกมาผ่านสื่อ หรือมีประกาศใดๆ ออกมาจากรัฐบาลทั้งสองประเทศเลย แม้แต่ตัวของผู้ต้องหาทั้ง 5 คนเอง มีการเปิดเผยออกมาในภายหลังว่า พวกเขารู้ตัวว่าจะได้กลับออสเตรเลียในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) แค่วันเดียวก่อนออกเดินทาง
13) อินโดนีเซียให้เหตุผลที่ต้องปิดทุกอย่างเป็นความลับว่า เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ไม่ได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่เดียวกัน ทำให้ต้องมีการเคลื่อนย้าย ซึ่งหากมีข่าวหลุดออกไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้ ขณะเดียวกันออสเตรเลียก็ขอมาให้อินโดนีเซียช่วยปิดเรื่องนี้ไว้ จนกว่าทั้งหมดจะเดินทางถึงออสเตรเลียเป็นที่เรียบร้อย
14) โดยจากการเปิดเผยภายหลัง ทั้ง 5 คน ถูกนำตัวขึ้นเครื่อง เดินทางออกจากสนามบิน งูระฮ์ ไร บนเกาะบาหลี เมื่อเวลา 10.35 น. ของวันอาทิตย์ ตามเวลาอินโดนีเซีย และไปลงจอดที่สนามบินในเมืองดาร์วิน ทางเหนือของออสเตรเลียในเวลา 14.42 น.
15) ตอนนี้ ทั้ง 5 คน ถูกพาไปกักตัวอยู่ที่ ศูนย์กักกัน โฮเวิร์ด สปริงส์ ใกล้กับเมืองดาร์วิน โดยยังไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับครอบครัว และก็ยังไม่มีรายละเอียดออกมาว่า พวกเขาจะต้องถูกกักตัวอีกนานแค่ไหน หรือว่าจะถูกย้ายไปคุมขังที่ไหนต่อหรือไม่
16) โดยเจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียระบุว่า การส่งตัวนักโทษคืนให้ออสเตรเลียในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการอภัยโทษ และก็ไม่ได้มีข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างออสเตรเลียและอินโดนีเซีย ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงยังคงมีโทษจำคุกตลอดชีวิตติดตัวอยู่ และควรต้องไปรับโทษต่อที่ออสเตรเลีย
17) ขณะที่นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซี ยืนยันในตอนที่ออกมาแถลงข่าวร่วมกับ โทนี เบิร์ค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ เพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลียว่า ชายทั้ง 5 คน จะได้รับโอกาสในการบำบัด และฟื้นฟู เพื่อให้สามารถกลับเข้าไปใช้ชีวิตในสังคมออสเตรเลียได้
18) แม้ทั้งสองฝ่ายจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเรื่องการรับโทษของผู้ต้องหาทั้งหมดออกมา แต่ก็อาจจะบอกได้ว่า นี่ถือเป็นจุดจบของคดีฉาวที่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับออสเตรเลียมานานเกือบ 2 ทศวรรษ