
(ภาพประกอบ)
ประเด็นคือ – ตั้ง 3 มาตรการเข้มเปิดบัญชีลูกค้าธนาคาร จี้ตรวจสอบ 4,000 บัญชีต้องสงสัย เข้าข่ายฟอกเงิน “บิ๊กโจ๊ก” ปัด ให้ข่าว “ณิชา” เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เรียกตัวแทน สถาบันการเงิน 36 แห่ง ร่วมประชุมทำความเข้าใจและกำหนดมาตรการ เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน โดยมีตัวแทนจาก ธนาคารแห่งประเทศ และกรมการปกครอง ร่วมด้วย

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทน เลขาธิการ ปปง.
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทน เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่า ได้กำหนดมาตรา 3 ข้อ คือ
- ให้สถาบันการเงินเพิ่มความเข้ม เกี่ยวกับมาตรการแสดงตน และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของผู้เปิดบัญชี ซึ่งผู้ที่จะเปิดบัญชีกับสถาบันการเงิน จะต้องมีหลักฐานอย่างน้อย 7 อย่างคือ ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านและที่อยู่ปัจจุบัน อาชีพ สถานที่ทำงาน ข้อมูลการติดต่อ และ ลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรม
- ให้สถาบันการเงิน ติดต่อเจ้าของบัญชีไปตามทะเบียนราษฎร์ เพื่อให้ยืนยันและรับรองสถานะบัญชี หากไม่ยืนยันและรับรองให้ส่งเรื่องมายัง ปปง. ทันที
- ปปง.จะร่วมกับสถาบันการเงิน ตรวจสอบบัญชีต้องสงสัยเข้าข่าย รับจ้างเปิดบัญชี อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ายาเสพติด พนันออนไลน์ เบื้องต้น พบบัญชีต้องสงสัยแล้วกว่า 4,000 บัญชี โดยอาจจะมีการเรียก ผู้ที่มีชื่อเปิดบัญชีดังกล่าวมาสอบปากคำ

ที่สน.ห้วยขวาง (15 ม.ค.61)
ด้าน พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีบ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยการสอบปากคำ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ผู้ร้องเรียนว่าถูกขบวนการ นำบัตรประชาชนที่หายไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง 9 บัญชี เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ว่า ได้สอบสวนเรื่องเงิน 6 ล้านที่ปรากฎในบัญชี การทำบัตรประชาชนใหม่ และกระแสข่าวเรื่องการ สนทนาของ ระหว่าง น.ส.ณิชา กับ น.ส.ปวีณา ผู้ต้องหานำบัตรประชาชนที่หายไปเปิดบัญชี ซึ่งการให้ปากคำ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวว่า น้องชาย น.ส.ณิชา ติดต่อผู้คุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง









