the-bank-of-thailand-has-an-idea-for-banks-to-take-100-responsibility-when-customers-are-tricked-by-scammers

แบงก์ชาติมีแนวคิดให้ธนาคารรับผิดชอบ 100% เมื่อลูกค้าถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน

การเงิน

ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ อยู่ระหว่างผลักดันแนวทางให้ธนาคารต้องรับผิดชอบ 100% เมื่อลูกค้าถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน มาดูกันว่ากรณีไหนจะได้เงินคืนเต็มจำนวนบ้าง

‘ดารณี แซ่จู’ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า แบงก์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างร่วมกันปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมาย (Enforcement) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน ให้ได้รับเงินคืนจากธนาคาร 100%

แต่การที่ประชาชนจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่แอปพลิเคชันดูดเงินมีช่องโหว่ ซึ่งที่ผ่านแบงก์ชาติออกประกาศให้ทุกธนาคารต้องเร่งปิดช่องโหว่ภายใน 1 เดือน หากยังไม่สามารถปิดช่องโหว่ ธนาคารจะต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน

นอกจากนี้ ยังศึกษากรณีในต่างประเทศเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน เช่น กรณีของสิงคโปร์ หากมีเงินโอนออกจากบัญชีโดยไม่มีข้อความในโทรศัพท์มือถือ (SMS) แจ้งเตือน ธนาคารต้องรับผิดชอบใช้เงินคืนจำนวน แต่หากมี SMS แจ้งเตือน ธนาคารไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เป็นต้น

นอกเหนือจากการปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ธนาคารคืนเงินประชาชน 100% แล้ว แบงก์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการคืนเงินให้ประชาชนที่ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินอีกด้วย เพราะกระบวนการเดิมยังขาดความคล่องตัว

ในวันเดียวกัน ธปท.อัปเดตว่า หลังจากที่ให้ธนาคารแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีม้าระหว่างกัน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่า บัญชีม้าดำ หรือบัญชีที่ถูกระงับการทำธุรกรรมจากทุกธนาคาร ทั้งช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์ หรือต้องไปยืนยันตัวตนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีจำนวนทั้งสิ้น 38,000 ราย คิดเป็นจำนวนบัญชี 340,000 กว่าบัญชี

กลุ่มนี้ธนาคารสามารถระงับการให้บริการได้เลยทันทีภายใน 1 วัน หากเจ้าของบัญชีไม่ใช่มิจฉาชีพตามที่ถูกกล่าวหา จะต้องมาเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อใช้บริการต่อไป โดยระหว่างนี้เจ้าของบัญชีดังกล่าวจะไม่สามารถเปิดบัญชีใหม่กับธนาคารอื่นๆ ได้

ถัดมา คือ บัญชีม้าเทา หรือบัญชีที่ถูกระงับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์จากทุกธนาคาร เนื่องจากเป็นแถว 2 หรือ 3 ของการโอนเงินจากบัญชีม้าของมิจฉาชีพ แต่ยังไม่ถูกผู้เสียหายแจ้งความ มีจำนวนทั้งสิ้น 15,000 ราย คิดเป็นจำนวนบัญชี 36,000 บัญชี กลุ่มนี้หากต้องการใช้บริการของธนาคารต่อ จะต้องมายืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคาค

สุดท้าย คือ บัญชีม้าน้ำตาล หรือบัญชีต้องสงสัยภายในธนาคาร แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องแชร์ข้อมูลระหว่างธนาคาร กลุ่มนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน เนื่องจากแต่ละธนาคารอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล ซึ่งแบงก์ชาติคาดหวังให้ธนาคารจัดทำมาตรการออกมาควบคุม ลักษณะเช่นเดียวกับบัญชีม้าดำและเทาต่อไป

ส่วนมาตรการในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การกำหนดให้ธนาคารไม่ส่งลิงก์ผ่าน SMS และการกำหนดให้แสกนหน้าเมื่อต้องทำธุรกรรมที่มีวงเงินเกิน 50,000 บาทนั้น ช่วยให้บัญชีม้าที่มีลักษณะขายขาดลดลง แต่บัญชีม้าเลี้ยง (ได้ส่วนแบ่งเป็นรายเดือน หรือได้ส่วนแบ่งเป็นรายธุรกรรม) ยังคงมีเทรนด์เพิ่มขึ้น

ส่วนแหล่งข่าว ธปท. ระบุว่า ราคาซื้อขายบัญชีม้าในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น ราคาขายขาด ปัจจุบันอยู่ที่ 20,000-40,000 บาท เช่นเดียวกับราคารายเดือนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้มาตรการที่ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารจะลดจำนวน ‘ม้าหมุน‘ หรือบัญชีม้าที่เมื่อถูกปิดจากธนาคารหนึ่ง ก็จะไปสมัครบัญชีใหม่ที่อีกธนาคารหนึ่ง จะลดลง

แต่การปิดบัญชีม้าก็ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งมีส่วนได้ส่วนเสีย เช่นเดียวกับกรณีของเว็บพนัน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายของไทยต่อบัญชีม้า ถือว่าค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น จีน ทำให้มิจฉาชีพเลือกประเทศไทยเป็นเป้าหมาย

ส่วนข้อมูลที่คนไทยถูกหลอกเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียนั้นยอมรับว่าเป็นความจริง โดยเกิดจากความกลัว เช่น ถูกมิจฉาชีพหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จะมาดำเนินคดี เพราะบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด หรือผู้สูงอายุในวัยเกษียณมักจะถูกหลอกว่า จะไม่ได้รับเงินก้อนเกษียณ หากไม่โอนเงินส่วนหนึ่งมาเป็นค่าดำเนินการตรวจสอบ เป็นต้น

’คนไทยโดนหลอกง่าย และคนโดนหลอกมักไม่ค่อยฟัง (คำเตือน)’

KingployWriterKingploy
Dolce far Niente

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง