
พ่อร้องสื่อ ทหารทำร้ายลูกชายจนตาย แต่คดีไม่คืบ ยอมเก็บศพแช่เย็น ยันทหารคนฆ่าลูกต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (7 พ.ค. 61) ที่ จ.นครพนม ได้มี นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 15 บ้านชลประทาน ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมญาติพี่น้อง ได้นำเอกสารหลักฐานสำคัญ เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนไปยังหน่วยงานทหาร

กรณีได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากนายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี ลูกชาย ซึ่งเคยทำงานบริษัทเอกชน เงินเดือนสูงกว่า 20,000 บาท และจบการศึกษาถึงระดับชั้นปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อย อ.เรณูนคร จ.นครพนม สังกัดมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม จำนวน 3 นาย ทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธปืนยิง และใช้ไม้ทุบตีศีรษะ จนเสียชีวิต
หลังถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร จ.นครพนม แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ เหตุเกิดบริเวณทุ่งนาใกล้หมู่บ้าน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 เม.ย. 61 ที่ผ่านมา ภายหลังทางผู้เสียหาย โดยจากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาโดน และแพทย์โรงพยาบาลเรณูนคร ได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตมาจาก การได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 1 นัด บริเวณขาขวา 1 นัด นอกจากนี้ศีรษะยังถูกทุบตีด้วยของแข็งจนศีรษะยุบ

ภายหลังลูกชายเสียชีวิต พ่อและญาติผู้ตายได้นำศพลูกชายไปเก็บไว้ในโรงเย็น เพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดศรีธนนชัย บ้านนาโดนใหม่ หมู่ 7 ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม โดยทางผู้เสียหายได้ยืนยันว่า จะไม่ทำพิธีฌาปนกิจศพ จนกว่าจะมีหน่วยงานทหารออกมารับผิดชอบ
เนื่องจากหลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 61 จนกระทั่งปัจจุบันเกือบ 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี ทั้งที่รู้ตัวผู้ก่อเหตุ ที่สำคัญยังไม่มีหน่วยงานทหารเข้ามาดูแลช่วยเหลือครอบครัว ทางญาติจึงต้องเก็บรักษาศพผู้ตายไว้จนกว่าจะได้ความชัดเจน ในการช่วยเหลือเยียวยา และเชื่อว่าจะต้องมีการวิ่งเต้นเกี่ยวกับคดี เพราะผู้ทำผิดเป็นทหาร จึงต้องเรียกร้องผ่านสื่อขอความเป็นธรรม

ทั้งนี้นายดุสิต ถานัน พ่อผู้ตายเล่าว่า ลูกชายที่เสียชีวิตเป็นลูกชายคนโต จากลูกทั้งหมด 3 คน ยืนยันว่าคนที่ตายเป็นคนดี เรียนหนังสือเก่ง ตนรับจ้างทำไร่ทำนาส่งลูกเรียนหนังสือ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2550 จากนั้นได้ทำงานบริษัทเอกชนที่ กทม.ได้เงินเดือนกว่า 20,000 บาท ส่งมาดูแลพ่อแม่ เป็นเสาหลัก เป็นความหวังของครอบครัว อีกทั้งเป็นคนขยัน ตั้งใจเรียน ไม่เคยเกเร เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ชาวบ้านที่รู้จักสามารถยืนยันได้
จนกระทั่ง 4-5 ปี ที่ผ่านมา ลูกชายได้ตัดสินใจไปทำงานเมืองนอก เนื่องจากมีเพื่อนชวนว่าค่าแรงสูง อยากช่วยพ่อแม่ให้มีฐานะดีขึ้น จึงตัดสินใจลาออกไปทำงานประเทศฟินแลนด์ แต่ผิดหวัง ถูกหลอกไป 3 เดือน ก่อนส่งตัวกลับ

หลังกลับมาเกิดความเครียด เพราะเขาเป็นคนจริงจังกับชีวิต จึงตัดสินใจมาช่วยพ่อทำไร่ทำนาอยู่บ้าน จนกระทั่งช่วงปีที่ผ่านมา เกิดป่วยโรคเครียดจนต้องนำไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ หมอจึงให้ยามารับประทานรักษาต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รุนแรงมาก และเคยนำตัวไปพักฟื้นที่โรงพยาบาล แต่ไม่ยอมอยู่ หนีกลับมาอยู่บ้าน ช่วงหลังไม่ยอมกินยา มีอาการเครียด ซึมเศร้า แต่ไม่ถึงกับทำร้ายใครรุนแรง มีเพียงทะเลาะกันในครอบครัว แต่ยังสามารถทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ปกติ
ล่าสุดวันเกิดเหตุผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกับหลานสาว อายุ 17 ปี ที่ตนเอามาดูแล เนื่องจากผู้ตายต่อว่าเป็นห่วง เพราะเห็นว่ากำลังเข้าสู่วัยรุ่น ทางหลานสาวจึงตอบโต้ตามประสาวัยรุ่น จนไม่พอใจกัน ผู้ตายจึงเอามีดมาพยายามทำร้ายร่างกาย และถูกขาหลานสาวเป็นแผล แต่ไม่ได้เป็นแผลลึกมาก ตนผู้เป็นพ่อจึงดุด่า และห้ามไว้ และผู้ตายได้สงบสติอารมณ์
ต่อมาจึงได้หารือกับเพื่อนบ้าน ผู้นำชุมชน อยากนำลูกไปรักษากลัวคลุ้มคลั่งมากกว่านี้ เพราะช่วงหลังมากลายเป็นคนสูบบุหรี่จัด แต่ไม่ดื่มเหล้า จนมีคนแนะนำให้ติดต่อทหารมาช่วยคุมตัวไปรักษาฟื้นฟูที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ โดยไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุรุนแรงขั้นนี้

โดยเช้าวันเกิดเหตุขณะตนไม่อยู่บ้าน ไปทำธุระ พาหลานสาวไปล้างแผลที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร ลูกชายอีกคนโทรมาแจ้งว่าทหารจะมาคุมตัวพี่ชายคือผู้ตายไป หลังตนได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไป ซึ่งตนแจ้งให้รอตนกลับบ้านก่อน แต่ไม่ทัน ผู้ตายไปเฝ้าสวนเกษตรในทุ่งนา ทหารได้เข้าไปหาพูดคุยจะคุมตัวไปรักษา แต่ผู้ตายขัดขืนวิ่งหนี คงเพราะเครียดอยู่แล้ว จึงเกิดความหวาดกลัว ทหาร 3 นายพยายามเข้าควบคุมตัวจนเกิดความรุนแรง ผู้ตายพยายามต่อสู้และวิ่งหลบหนี ทหารอีกคนจึงชักปืนพกขึ้นยิง 3 นัด เข้าที่ขาขวาผู้ตาย 1 นัดทะลุ พอล้มลงกับใช้ไม้ทุบตีศีรษะจนเสียชีวิตคาที่
ลูกชายอีกคนพยายามวิ่งไปช่วยเหลือแต่ไม่ทัน หลังไปดูพบว่าน่าจะเสียชีวิต ทหารจึงพยายามหาทางนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอเรณูนคร แต่ไม่ทัน เสียชีวิตแล้ว ผมถามกลับว่าฆ่าลูกผมทำไม ลูกผมผิดอะไร แค่ป่วยเครียดยังไม่ได้ฆ่าใครตาย ผมเพียงอยากให้มาช่วยนำไปรักษาตัว มาถึงวันนี้ครอบครัวสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ แจ้งความตำรวจไปยังเงียบ มีเพียงทหารที่ฆ่าลูกชายมาเสนอว่ามีเงินช่วยเหลือแค่แสนบาท ผมยืนยันไม่รับ ยอมนำศพลูกชายแช่เย็นไว้ในโรงเย็นที่วัด จนกว่าจะมีคนออกมารับผิดชอบ จะร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด รู้ตัวว่าเป็นชาวบ้านไม่มีเส้นมีสาย แต่คนทำผิดต้องได้รับผิด ถึงเงินทองมากแค่ไหน ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย









