
นายกฯ พบนักธุรกิจสตาร์ทอัพ แนะศึกษาการประกอบธุรกิจรอบด้าน เพื่อร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย ชมเปาะ ! ได้ฟังเพลงแรป “Thailand 4.0” ต้อนรับ เปรยเนื้อหาเข้าท่า แต่ต้องแก้นิดหน่อย
วันที่ 1พ.ย. 61 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน นายกรัฐมนตรีพบวิสาหกิจเริ่มต้น “สตาร์ทอัพร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย” และรับฟังข้อเสนอ “THAILAND TOWARDS STARTUP NATION” เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “ประเทศแห่งสตาร์ทอัพ” (Thailand: Startup Nation) ภายในปี 2564 ซึ่งจะเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ทั้งด้านรายได้ การลงทุน และการจ้างงาน โดยมีเป้าหมายสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ 5% ของ GDP ประเทศไทย เพิ่มการจ้างงาน 50,000 ตำแหน่ง เพิ่มจำนวนวิสาหกิจเริ่มต้นที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 1,000 ราย
โดยนายกฯ ขอให้กลุ่มสตาร์ทอัพ ไปศึกษาแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้พัฒนาสินค้าได้สอดคล้องกับการเปลี่ยนของประเทศ และศึกษาการค้าในกลุ่มต่างๆ ที่มีแผนแม่บทใน 5 ปี รวมถึงการศึกษาความร่วมมือในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี แล้วนำไปขับเคลื่อน ควบคู่การวิจัยและพัฒนาสินค้า เพื่อให้เกิดความสัมฤทธิ์

พร้อมกันนี้ยังมองว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องคำนึงถึงต้นทางคือ กลุ่มผู้ผลิต เพื่อช่วยสร้างรายได้ในพื้นที่ และย้ำว่ารัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหาและปลดล็อกในการเข้าถึงการประกอบธุรกิจอย่างง่าย จากเดิมที่ติดขัดข้อกฎหมายหลายด้าน พร้อมฝากให้นักธุรกิจสตาร์ทอัพต้องเรียนรู้ ทั้งเชิงรุกและรับของโลกธุรกิจ
ด้านผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ขอให้นายกฯ และรัฐบาลช่วยส่งเสริมระบบนิเวศ ออกกฎหมายที่กำจัดอุปสรรคในการทำธุรกิจ เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติ เพื่อให้สามารถไปถึงเป้าหมาย โดยเชื่อมั่นว่าสตาร์ทอัพ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ทั้งด้านรายได้ การลงทุน และการจ้างงาน
โดยมีเป้าหมายสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจร้อยละ 5 ของ GDP ประเทศไทย ช่วยเพิ่มการจ้างงาน 50,000 ตำแหน่ง เพิ่มจำนวนวิสาหกิจเริ่มต้นที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 1,000 ราย โดยกำหนดให้ไทยเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพจากทั่วโลก เพื่อเข้าสู่ตลาดเอเชีย
ทั้งนี้ ในจังหวะที่นายกฯ เดินทางมาถึง ได้มีการเปิดเพลงแรป “Thailand 4.0” ต้อนรับ ทำให้นายกฯ ถึงกับอมยิ้ม และกล่าวว่า “เช้านี้ได้ฟังเพลงแรปเข้าท่าเข้าทาง เดี๋ยวคงต้องให้แก้ไขนิดหน่อย เช่น ต้องเปลี่ยนทำนองนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็ดีแล้ว ก็มีสาระอยู่แล้ว ลุงนั้นใจดี แต่ก็ต้องเห็นอกเห็นใจลุงบ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่ลุงต้องรับผิดชอบ อะไรก็ตามที่มีผลกระทบต่อจิตใจ บางครั้งก็มีผลต่อการทำงาน ลุงบางทีก็ต้องเตือนบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปปิดกั้นใคร”









