
ประเด็นคือ – “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ เดินทางกลับถึงไทยท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น และมาที่สตูดิโอข่าวเวิร์คพอยท์ต่อ เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษถึงการชก พร้อมบอกอนาคตอยากเป็นเหมือน “แมนนี ปาเกียว”
วันที่ 27 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “แหลม ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” และทีมงาน ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว หลังจาก “เจ้าแหลม” สามารถชกเอาชนะผู้ท้าชิง ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า จากประเทศเม็กซิโก ทำให้รักษาเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (115 ปอนด์) ของสภามวยโลก WBC ครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ
และหลังจากที่วันนี้เดินทางกลับมา ลงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ บรรยากาศการต้อนรับ กองเชียร์ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง รวมไปถึงกองทัพสื่อมวลชนที่ไปเฝ้ารอกันอย่างล้นหลาม ต่างดีใจที่ “เจ้าแหลม” นำเข็มขัดแชมป์ WBC กลับมาฝากคนไทย
จากนั้น “เจ้าแหลม” ก็เดินทางมาต่อทันทีที่สตูดิโอข่าวช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 โดยได้เดินทางมาให้สัมภาษณ์พิเศษ เรียกได้ว่าหิ้วท้องมาเลย เพราะว่าที่สนามบิน พ่อแม่ได้นำหนูนาย่าง ไข่มดแดง และนกเขาไปให้แหลมกิน แต่กินได้แค่อย่างละคำสองคำเท่านั้น ซึ่งเจ้าแหลมยังหิวข้าวอยู่

ทางทีมข่าวเวิร์คพอยท์จึงได้จัดเตรียมอาหารเลี้ยงต้อนรับเจ้าแหลมก่อน ซึ่งเจ้าแหลมมาพร้อม “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ผู้จัดการและโปรโมเตอร์ ค่ายนครหลวงโปรโมชั่น พร้อมกับลูกชายเสี่ยฮุยก็คือ “น้องแบงค์” เทียนชัย พิสิฐวุฒินันท์ พร้อมทั้งทีมงานของนครหลวงโปรโมชั่น โดยรับประทานอาหารก่อนที่จะบันทึกเทปสัมภาษณ์

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย จึงเข้าสู่การให้สัมภาษณ์ โดยเสี่ยฮุยกล่าวว่า พอยกที่ 4 แหลมเหมือนโดนลำตัวคู่ต่อสู้มากขึ้น ซึ่งเอสตราด้าเป็นมวยที่กันลำตัวไม่ค่อยได้ ซึ่งอยู่ในแผน
“เราทราบจุดอ่อนเขามาก่อน เป็นมวยที่ต่อยท้องแล้วเขาไม่ค่อยกัน พอผ่านยก 5 ไป ก็มั่นใจ” เสี่ยฮุยกล่าว
พอยกที่ 6 เหมือนเป็นยกนาทีทองของเจ้าแหลม ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าแหลมคิดอย่างไรในยกนี้

แหลมตอบว่า “ผมคิดจะลุยอย่างเดียว พยายามจะน็อกให้ได้ แต่ก็ยอมรับใจของเอสตราด้าจริงๆ ทน อึดมาก และไวขึ้น หมัดเขาไม่หนัก แต่หมัดเขาคม แข็ง ไว เวลาหมัดเขาออกมา มองเห็น แต่หลบไม่ทัน ตอนที่ชกซ้ายเข้าลำตัวก็เห็นเขาออกอาการ ผมก็พยายามบี้ ลุยอย่างเดียว แต่เขาหนีเร็ว แต่ผมก็คิดว่าเขาต้องหนีอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตอนหมดยกที่ 8 ไป เสียดายไหม เพราะอีกนิดเดียวก็จะชนะอยู่แล้ว เจ้าแหลมตอบว่า “ไม่เสียดาย เพราะยังไงก็ชนะอยู่แล้ว”
ยกไฮไลต์ที่สุดของไฟต์นี้คือยกที่ 12 เจ้าแหลมบอกว่า “อาจารย์บอกว่า ยก 12 เอสตราด้าต้องเดินแน่ เพราะคะแนนเขาตามอยู่ ผมก็เลยแลกก็แลก ถ้าผมโดน ผมก็ลง ถ้าเขาโดน เขาก็ลง มันอยู่ที่ใจตัวเอง”

ผู้สื่อข่าวบอกว่า การที่แหลมทำแบบนี้ มันทำให้หัวใจคนไทยทั้งประเทศเกือบช็อกเลย ลุ้นมาก คนส่วนมากบอกว่าแหลมไม่น่าไปแลกเลย เพราะยังไงก็ชนะอยู่แล้ว แหลมคิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้ แหลมบอกว่า “ใจผมมันสู้ครับ”
ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า แต่ยก 12 นี่การออกหมัดของแหลมช้าลงแล้ว แต่เอสตราด้ายังเร็วอยู่ ตอนนั้นคิดยังไง
“ผมก็จะเอาคืนอย่างเดียวน่ะครับ ถ้าผมโดน เขาก็ต้องโดน ถ้าผมเจ็บ เขาก็ต้องเจ็บ ยก 12 นี่ยังอยู่ในแผน ผมยังมีสติครับ”

พอจบเกม เอสตราด้า กลับคาใจ เพราะเขาคิดว่าเขาชนะ แหลมคิดว่ายังไง
“ผมคิดว่าเขาก็คงคิดว่าเขาทำได้ เขาคิดว่าเขาไม่แพ้” ในขณะที่เสี่ยฮุยบอกว่า เอสตราด้าต้องวางใจเป็นกลางแล้วไปเปิดเทปย้อนดูแต่ละยก แล้วลองนับคะแนนดู
โดยเอสตราด้าได้นำภาพของเขาและแหลมมาเปรียบเทียบว่า ใครควรได้เข็มขัดแชมป์มากกว่ากัน ระหว่างแหลมที่หน้าตาปูดบวม มีบาดแผล กับเขาซึ่งหน้าตาสดใส ซึ่งเจ้าแหลมบอกว่า ตนไม่สนใจ เพราะชนะแล้ว

ผู้สื่อข่าวจึงถามแหลมว่า อยากฝากบอกอะไรถึงเขา
“ถ้าเจอกันอีก ผมจะต่อยน็อกจริงๆ เลย ผมไม่ปล่อยไว้จริงๆ นะ” แหลมตอบ
มองอนาคตว่าอยากไปถึงระดับไหน
“แมนนี ปาเกียว ครับ”

อยากฝากอะไรถึงแฟนมวยบ้าง
“ขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ส่งกำลังใจและเชียร์ผมมาตลอด ผมก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะป้องกันแชมป์ให้ได้นานที่สุด”
และนี่คือ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น นักมวยขวัญใจคนไทยคนล่าสุด ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม










