ทำไมมาราธอนโอลิมปิกครั้งนี้ จะเป็นการวิ่งที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งของ ‘เอเลียด คิปโชเก’
10 สิงหาคมนี้ คือวันที่จะมีการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนโอลิมปิกปารีส 2024 ประเภทชายขึ้น และคนที่ทั่วโลกต่างจับตามองคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักวิ่งชาวเคนยา เอเลียด คิปโชเก
คิปโชเกเปิดตัวเป็นนักกีฬาวิ่งทางไกลมืออาชีพเมื่อปี 2013 เพียงหนึ่งปีให้หลัง คิปโชเกชนะ World Marathon Major ครั้งแรกที่ Chicago Marathon 2014 ต่อมาอีกสองปี เขาเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนในโอลิมปิกปี 2016 หรือ Rio Summer Olympics ประเทศบราซิล นี่คือครั้งแรกที่เขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิก
ในปี 2019 คิปโชเกพิสูจน์ให้โลกเห็นความสามารถอีกครั้ง ด้วยการทำลายสถิติเป็นนักวิ่งคนแรกที่วิ่งมาราธอนจบในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง (Sub-2-Hour) ในงาน Ineos 1:59 Challenge ที่เวียนนา คิปโชเกวิ่งทำเวลาไปได้ที่ 1:59:40 ซึ่งถ้าเฉลี่ยแล้ว เขาวิ่งหนึ่งกิโลเมตร ด้วยเวลาไม่ถึง 3 นาทีเลยด้วยซ้ำ ทว่าตัวเลขนี้ไม่ถูกบันทึกเป็นสถิติมาราธอนใหม่ เพราะไม่ได้มีการควบคุมมาตรฐานแข่งขันอย่างเป็นทางการ
คิปโชเกไม่หยุดอยู่กับที่ เขาวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกอีกครั้งในการแข่งขันวิ่งมาราธอนประจำโอลิมปิกปี 2020 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นี่คือครั้งที่สองที่เขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิก
ตอนนี้เขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมา 2 ครั้งติดกันแล้ว และไม่ใช่แค่นั้น ถ้าลองไล่ดู 10 การวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุดในโลก จะมีอยู่ถึง 4 ครั้งที่เป็นผลงานของคิปโชเก
ด้วยผลงานที่ผ่านมาทั้งหมด เอเลียด คิปโชเก จึงได้รับการยกย่องให้เป็นนักวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง เขามุ่งมั่นที่จะวิ่งเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เสมอมา
และในการแข่งขันวิ่งมาราธอนโอลิมปิกปารีส 2024 ครั้งนี้ คิปโชเกตั้งเป้าที่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญที่สาม และเป็น 3 สมัยติดต่อกัน
…แต่ครั้งนี้อาจเป็นการวิ่งเข้าเส้นชัยที่ยากที่สุดของเขา

เป้าหมายที่ท้าทายและหนักอึ้ง
“ผมต้องการสร้างประวัติศาสตร์ ต้องการเป็นมนุษย์คนแรกที่ชนะมาราธอนในโอลิมปิกติดต่อกัน 3 ครั้ง” คำพูดที่คิปโชเกบอกกับนักข่าว BBC นี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของคิปโชเกคืออะไร
ตลอดประวัติศาสตร์การแข่งแข่งขันวิ่งมาราธอนในโอลิมปิก มีนักกีฬาเพียงสองคนเท่านั้นที่เคยทำสถิติคว้าเหรียญทองติดต่อกัน 2 ครั้ง คนแรกคือ อาเบเบ บิกิลา นักวิ่งผู้เป็นตำนานของเอธิโอเปีย (โอลิมปิกปี 1960 และ 1964) อีกคนคือนักวิ่งจากเยอรมนีตะวันออก วัลเดมาร์ เซียร์ปินสกี (โอลิมปิกปี 1976 และ 1980)
แน่นอนว่าไม่เคยมีใครชนะมาราธอนติดต่อกัน 3 ครั้งเลย การตั้งเป้าหมายของคิปโชเกในครั้งนี้จึงเป็นทั้งความท้าทาย การสร้างภาระอันหนักอึ้ง รวมถึงเป็นเค้าลางของการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ
แรงกดดันจากภายนอก
นอกจากความคาดหวังที่จะคว้าเหรียญทองของคิปโชเกเอง ลึกๆ ในใจของแฟนคลับและนักวิ่งทั่วโลกก็คงอยากจะเห็นคิปโชเกทำลายสถิติอีกเป้าหมายหนึ่ง นั่นคือการวิ่งมาราธอนจบในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมงให้ได้อย่างเป็นทางการ
หลังจากการวิ่ง Ineos 1:59 Challenge ของคิปโชเกในปี 2019 ผู้คนต่างเฝ้ารอว่าใครกันที่จะเป็นคนวิ่ง Sub-2-Hour ได้ และมีสถิติบันทึกอย่างเป็นทางการเสียที คนที่ใกล้เคียงที่สุดในการทำลายกำแพงนั้นคือ เคลวิน คิปทัม อีกหนึ่งนักวิ่งจากเคนยา ผู้ทำลายสถิติการวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุดของคิปโชเก (2:01:09) ในการแข่งขัน 2023 Chicago Marathon ด้วยเวลา 2:00:35 แต่ก็ยังไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง
ความคาดหวังที่มองไม่เห็นจากสาธารณชนนี้เอง ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เพิ่มแรงกดดันให้คิปโชเก
เส้นทางการแข่งขันสุดหิน
เส้นทางมาราธอนของโอลิมปิกปารีส 2024 ถือว่าออกแบบมาได้อย่างน่าทึ่ง เป็นเส้นทางที่นักวิ่งจะได้ชื่นชมแลนด์มาร์กของกรุงปารีสตลอดระยะทาง 42.195 กิโลเมตร โดยเริ่มออกตัวที่ศาลาว่าการกรุงปารีส ผ่านพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มุ่งสู่พระราชวังแวร์ซายนอกกรุงปารีส ก่อนวกกลับยาวมาถึงหอไอเฟล และปิดจบที่เส้นชัย ณ ออแตลเดแซ็งวาลีด
ทว่าเส้นทางที่สุดยอดนี้อาจจะเป็นนรกสำหรับนักแข่งขัน เพราะช่วงกลางของการแข่งขันตั้งแต่กิโลเมตรที่ 15-32.5 จะเป็นการวิ่งไต่และลงเนินชันที่นับว่าโหดเอาการ เช่น ในระยะ 15-20 กิโลเมตร นักวิ่งต้องไต่ไปที่ระดับความสูงถึง 155 เมตร ในระยะทาง 5 กิโลเมตร ส่งผลให้นักวิ่งเสียแรงและทำให้การคำนวณเวลาวิ่งซับซ้อนมากขึ้น
หากเทียบกับ New York Marathon หนึ่งในเส้นทางที่ขึ้นชื่อเรื่องเนินแล้ว แม้เส้นทางมาราธอนปารีสโดยเฉลี่ยจะไม่ชันเท่านิวยอร์ก แต่การวิ่งไต่เนินของปารีสหนักหนาในแง่ที่ต้องใช้เวลานานกว่าถึง 4 เท่า ในการไต่ระดับเดียวกัน โทนี เอสตังเกต์ คณะกรรมการจัดการแข่งขันบอกว่านี่จะเป็น “ความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน”
สำหรับคิปโชเก เส้นทางนี้คือโจทย์ที่เขาต้องทำการบ้านอย่างหนัก แม้คิปโชเกจะเคยวิ่งมาแล้วหลายรายการ แต่สถิติส่วนใหญ่ของเขามักจะเป็นการวิ่งบนทางเรียบเช่น Berlin Marathon และเขาเองก็ไม่เคยชนะในการแข่งขันประเภทเนินเลย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องคอยดูกันว่า คิปโชเกจะสามารถรักษาความเร็วตลอดการแข่งขันได้รึเปล่า
คู่แข่งคนสำคัญ และคู่แข่งที่จากไป
ในการแข่งครั้งนี้คิปโชเกอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด มีนักวิ่งตัวเก็งหลายคนที่คิปโชเกต้องวิ่งแซงให้ได้ หนึ่งในนั้นคือ เบนสัน คิปรูโต นักวิ่งชาวเคนยาที่ชนะการแข่งขันมาราธอนใหญ่ถึง 3 ครั้ง ในรอบสามปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ Tokyo Marathon ที่คิปรูโตวิ่งจบด้วยระยะเวลา 2:02:16 จนทำให้ได้รับขนานนามว่าเป็นบุคคลที่วิ่งเร็วที่สุดในปี 2024
อีกคนที่น่าจับตามองคือ วิกเตอร์ คิปพลางัต นักวิ่งจากยูกันดา ที่แม้จะวิ่งจบ Tokyo Marathon ด้วยลำดับที่ 15 แต่คิปพลางัตได้เปรียบตรงที่เขาเคยชินกับเส้นทางการวิ่งที่เป็นเนินเขา และเคยเป็นแชมป์โลกวิ่งไต่เขาในปี 2017 มาแล้ว
น่าเสียดายที่ เคลวิน คิปตัม คู่แข่งคนสำคัญและผู้ทำลายสถิติวิ่งมาราธอนเร็วที่สุดของคิปโชเกเพิ่งจะเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ปีนี้ การเสียคู่แข่งที่ดีในอีกทางหนึ่งก็เหมือนเสียแรงผลักดันที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป น่าเศร้าที่เราจะไม่ได้เห็นสองคนนี้วิ่งแข่งเชือดเฉือนกันในโอลิมปิกครั้งนี้

Kelvin Kiptum (เคลวิน คิปตัม)
จิตใจที่เปราะบาง และร่างกายที่แก่ตัวลง
เหตุการณ์การเสียชีวิตของ เคลวิน คิปตัม กระทบกับคิปโชเกมากกว่าแค่การเสียคู่แข่ง ไม่นานหลังจากทั่วโลกรู้ข่าวการจากไปของคิปตัม มีข้อความคุกคามและข่มขู่มากมายส่งไปหาคิปโชเก เพราะเชื่อว่าเขามีส่วนในการตายของคิปทัม
การกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงส่งผลไปถึงชีวิตส่วนตัวของคิปโชเก เขาให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “ผมได้ยินสิ่งที่เลวร้ายมากมาย เช่น พวกเขาจะเผาค่ายฝึกซ้อม พวกเขาจะเผาธุรกิจที่ผมลงทุนในเมือง พวกเขาจะเผาบ้านของผม พวกเขาจะเผาครอบครัวผม”
แน่นอนว่าเรื่องนี้กระทบกับคิปโชเกไปถึงระดับจิตใจ เห็นได้จากผลงานใน Tokyo Marathon เมื่อ 3 มีนาคมที่ผ่านมา คิปโชเกวิ่งหลุดจากกลุ่มไปช่วงหนึ่ง และจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 10 ช้ากว่า เบนสัน คิปรูโต ซึ่งได้อันดับ 1 ถึง 4 นาที ภายหลังคิปโชเกเล่าว่า ตลอดสามวันที่โตเกียวเขาแทบไม่ได้นอนเลย เพราะเป็นห่วงครอบครัวด้วยประเด็นดังกล่าว
สภาพร่างกายเองก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับนักกีฬา ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ปีนี้คิปโชเกอายุได้ 39 ปี การแก่ตัวลงก็อาจส่งผลกับการวิ่งด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าคิปโชเกวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก เขาจะกลายเป็นนักกีฬาที่อายุมากที่สุดที่ได้เหรียญทองในการแข่งขันวิ่ง
สุดท้ายนี้คงต้องมาลุ้นกันแล้วว่า คิปโชเกจะได้เป็นตำนานในการแข่งขันวิ่งมาราธอนโอลิมปิกปารีส ปี 2024 นี้หรือไม่
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เอเลียด คิปโชเก คือนักวิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกไปแล้ว
อ้างอิง:










