
สำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันอดีตนักฟุตบอลชาวบาห์เรน เข้าหลักเกณฑ์ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมให้ฮาคีมยื่นคำคัดค้านคำฟ้องต่อศาล 5 เม.ย.นี้ ขออย่าด่วนสรุปส่งฮาคีมกลับ
วันที่ 7 ก.พ.2562 วานนี้นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงชี้แจงขั้นตอนการทำหน้าที่ของอัยการในฐานะโจทก์ฟ้อง ฮาคีม ตามคำร้องขอของราชอาณาจักรบาห์เรน กรณีราชอาณาจักรบาห์เรน ส่งคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 3 ธ.ค.2561 ซึ่งรายละเอียดคำร้องขอให้อัยการยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อพิจารณาส่งตัวกลับบาห์เรน เนื่องจาก ฮาคีม เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีอาญา ข้อหา ลอบเผาวางเพลิง สถานีตำรวจ ในปี 2555
เมื่ออัยการพิจารณาคำร้อง พบว่า ความผิดเป็นคดีอาญาที่ประเทศไทย มีกฎหมายข้อนี้เช่นเดียวกัน จึงเข้าหลักเกณฑ์การพิจารณา ตาม พ.ร.บ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปี 2551 โดยไม่จำเป็นต้องมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน พร้อมยืนยัน ระหว่างนี้ ฮาคีม ต้องเตรียมพยานหลักฐาน เพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการของศาลไทย กระบวนการพิจารณาคดีนี้ จะเริ่มขึ้นภายหลังที่ ฮาคีม ยื่นคำคัดค้านคำฟ้อง ซึ่งศาลกำหนดให้ยื่นภายในวันที่ 5 เม.ย.นี้ และนัดตรวจพยานหลักฐาน ทั้งสองฝ่าย ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ซึ่งกระบวนนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญว่า การพิจารณาคดีของ ฮาคีม จะใช้เวลายาวนานแค่ไหน

ขณะที่นายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ได้รับการร้องขอให้จับกุมตัวนายฮาคีมทั้งจากตำรวจสากลออสเตรเลียและจากทางการบาห์เรน โดยเอกสารฉบับแรกที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับมาจากตำรวจสากลออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหมายแดงขอให้ทางการไทยจับกุมตัวฮาคีมไว้ชั่วคราว ซึ่งส่งมาเป็นอีเมลที่นอกจากจะส่งให้ประเทศไทยแล้ว ตำรวจสากลออสเตรเลียยังส่งเอกสารฉบับเดียวกันไปยังประเทศบาห์เรนด้วยเช่นกัน เมื่อทางการบาห์เรนทราบความเคลื่อนไหวของฮาคีมที่กำลังจะเดินทางมาประเทศไทยก็ได้ส่งเอกสารอย่างเป็นทางการอีกฉบับหนึ่งมายังกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อให้จับกุมตัวฮาคีมเป็นการชั่วคราว
นายธานี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วพบว่าข้อกล่าวหาของนายฮาคีมนั้น ครบกับองค์ประกอบพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ทำให้ทางการไทยต้องจับกุมตัวนายฮาคีมตามคำร้องขอของทางการบาห์เรน แม้ว่าในเวลาต่อมา จะมีการชี้แจงว่าหมายแดงจากตำรวจสากลออสเตรเลียเป็นโมฆะ แต่ขณะนั้นคดีของนายฮาคีมได้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว และไม่สามารถแทรกแซงได้ อีกทั้งหมายแดงของตำรวจสากลออสเตรเลีย ไม่ใช่สาเหตุที่นายฮาคีมถูกจับ แต่เป็นเอกสารของทางการบาห์เรนที่ทำให้ไทยตัดสินใจควบคุมตัวนายฮาคีมไว้
ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาล โดยนายฮาคีมจะเดินทางไปที่ศาลอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการไทยได้เสนอให้ทางการออสเตรเลียและบาห์เรนเดินทางมาพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน โดยการพูดคุยในครั้งนั้นยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่หากทางการของทั้งสองประเทศมีความต้องการจะหารือกันอีกครั้ง ทางการไทยก็พร้อมจะให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่









