
ไคล์ วอล์คเกอร์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ร่วมแสดงความยินดีที่ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 ชีวิต ได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำ พร้อมขอที่อยู่เด็กเพื่อมอบเสื้อบอลเป็นของขวัญ
ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็กขวาความเร็วสูงทีมชาติอังกฤษ จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมแสดงความยินดีที่น้องๆ ทีมหมูป่าอะคาเดมี่พร้อมด้วยโค้ช ได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนอย่างปลอดภัยทุกคน หลังจากที่ทั้ง 13 ชีวิตต้องติดอยู่ในถ้ำนานกว่า 18 วัน
ซึ่งข่าวการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก เหล่าองค์กรและคนดังจากหลายวงการต่างร่วมส่งแรงใจและความช่วยเหลือให้กับทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต กันอย่างมากมาย รวมถึงเหล่านักเตะคนดังเช่น ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยังโพสต์คลิปให้กำลังใจทีมหมูป่า
ล่าสุดในวันนี้หลังจากที่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยทีมหมูป่าทุกคนออกจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย ทางไคล์ วอล์คเกอร์ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษได้ทวีตข้อความว่า “เป็นข่าวดีสุดๆ ที่เด็กไทยทุกคนออกจากถ้ำมาแล้วอย่างปลอดภัย ผมต้องการส่งเสื้อแข่งไปให้พวกเขา มีใครพอช่วยให้ที่อยู่ได้บ้างหรือไม่”
Amazing news that all of the Thai kids are out of the cave safely! I’d like to send out shirts to them! Is there anyone who can help with an address? @England pic.twitter.com/pQYwW4SPh7
— Kyle Walker (@kylewalker2) 10 กรกฎาคม 2561
ด้านกองหลังจอมเก๋าทีมชาติสเปนอย่างอย่าง เซร์คิโอ รามอส ก็ได้ทวีตข้อความว่า “มีความสุขอย่างมากกับทีมหมูป่า ความพยายามอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ในการให้ความช่วยเหลือเป็นไปได้เสมอ”
Enormemente feliz por los jabalíes salvajes ? y por el enorme trabajo humano que ha hecho posible el rescate.
Enormously happy for the Wild Boars ? Such a great human effort to make the rescue possible.#ThamLuangCave pic.twitter.com/tjoKfFlXj1— Sergio Ramos (@SergioRamos) 10 กรกฎาคม 2561
และเมซุต โอซิล เพลเมอกเกอร์หนุ่มทีมชาติเยอรมันก็ได้ทวีตข้อความว่า “เด็กๆและโค้ชของเขา ออกจากถ้ำในไทยได้อย่างปลอดภัยแล้ว #อย่ายอมแพ้”
Great news! ?? All boys and their coach have made it out of the cave in Thailand safely ?? #NeverGiveUp
— Mesut Özil (@MesutOzil1088) 10 กรกฎาคม 2561
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews









