
AFP
ประเด็นคือ – “เมื่อกระทิงดุกว่าเสือ” แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมมหาเศรษฐีน้องใหม่ เปิดบ้านโค่นขาใหญ่เมืองเบียร์ บาเยิร์น มิวนิค ได้เป็นครั้งในแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
คืนวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ในเกมบุนเดส ลีกานัดที่ 27 ของฤดูกาลนี้ “แอร์เบ ไลป์ซิก” ทีมอันดับที่ 6 ของตาราง เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของจ่าฝูง “บาเยิร์น มิวนิค” ทางไลป์ซิกต้องเจอปัญหาตั้งแต่ต้นเกมจากการที่ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ผู้เล่นในแนวรุกคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ทางกุนซือ ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล ตัดสินใจส่ง ทิโม แวร์เนอร์กองหน้าคนเก่งของทีมที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อยลงสนาม

AFP
เป็นทางเสือใต้ที่ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 12 จากลูกโหม่งของ ซานโดร วากเนอร์ แม้จะโดนขึ้นนำก่อนแต่กลับกลายเป็นไลป์ซิกที่เป็นฝ่ายคุมเกมนี้ได้มากกว่าทีมเยือน จนพวกเขาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 37 จาก เนบี เกอิต้า และได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากลูกยิงสุดสวยของ ทิโม แวร์เนอร์ ในนาทีที่ 56
จบเกมเป็นทาง ไลป์ซิก เจ้าบ้านที่สามารถเก็บชัยชนะเหนือบาเยิร์น มิวนิคได้ในครั้งนี้ และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่พวกเขาสามารถเอาชนะยอดทีมจากแคว้นบาวาเรียได้ นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดส ลีกา ในฤดูกาลที่แล้ว และยังรักษาเส้นทางในการลุ้นพื้นที่ไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าอีกด้วย
จากเกมนัดนี้ทำให้ไลป์ซิกหยุดสถิติไม่ชนะใครมา 5 นัดติดต่อกันได้สำเร็จ อีกทั้งพวกเขายังสามารถหยุดสถิติไม่แพ้ใครมา 18 นัดของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส และลูกทีมด้วยเช่นกัน

AFP
“ไลป์ซิก” ยักษ์รายใหม่ที่คนเยอรมันฯเกลียด เพราะอะไร?
โดยสโมสร “แอร์เบ ไลป์ซิก” เกิดจากการที่กลุ่มทุน “เร้ด บูล” เข้ามาเทคโอเวอร์สโสร เอสเฟาเฟา มาร์ครานสตัดต์ ทีมจากดิวิชั่น 5 ของเยอรมันฯ และได้ใช้เวลาในการพัฒนาทีมและพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดส ลีกา ภายในเวลา 7 ปี ในปัจจุบันพวกเขายังเป็นสโมสรเดียวในบุนเดส ลีกาที่มาจากเขตที่เคยเป็นอดีตเยอรมันตะวันออกอีกด้วย หลังจากทีมเอเนอร์กี้ ค็อตบุส ตกชั้นไปในปี 2009
แต่ ! ในประเทศเยอรมันฯ มีกฎที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลลีกเยอรมันฯ หรือ เดเอฟเอล (DFL) ตั้งกฎหนึ่งขึ้นมา หลายคนที่ติดตามฟุตบอลเยอรฯคงจะเคยได้ยินคำว่า “กฎ 50+1” หรือก็คือการให้แฟนบอลเข้ามาถือหุ้นสโมสรเกิน 50 % ขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มนายทุนเข้ามาควบคุมกิจการของสโมสรอย่างเบ็ดเสร็จ (มี 2 ทีมในเยอรมันฯ ที่ได้รับการยกเว้นจากกฎนี้ คือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน กับ เฟาเอฟเอล โวล์ฟสบวร์ก เนื่องจากเป็นทีมที่ก่อตั้งโดยเอกชน)

AFP
แต่ไลป์ซิก กลับพยายามปิดกลั้นการเข้ามาถือหุ้นของแฟนบอลโดยตั้งค่าสมัครสมาชิกสูงถึงปีละ 800 ยูโร มากกว่ายักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น หรือ ดอร์ทมุนด์ กว่า 10 เท่า ทำให้มีแฟนบอลเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนที่มีกำลังพอสามารถซื้อหุ้นสโมสรได้ อีกทั้งจำนวนสมาชิกที่มีสิทธิ์ในการลงความเห็นส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับ บริษัทเร้ด บูล หรือ นาย ดีทริช เมเทสซิทซ์ เจ้าของแบรนด์ Red Bull แทบทั้งสิ้น
และอีกกฎหนึ่งที่สหพันธ์ได้ตั้งเอาไว้คือ ห้ามมีชื่อสปอนเซอร์ในชื่อทีมเด็ดขาด กลุ่มทุน เร้ด บูล ที่หัวหมอก็จัดการใส่ชื่อ “RB Leizig” โดยให้เหตุผลว่า RB นั้นย่อมาจาก “RasenBallsport” แต่ใครๆต่างก็รู้ว่ามันสือถึง RED Bull อย่างเป็นอื่นไปไม่ได้

ดีทริช เมเทสซิทซ์ / AFP
อีกทั้งการที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ก็เหมือนเป็นการฉีกหน้าเหล่าบรรดาแฟนบอลทีมต่างๆในเยอรมันที่ต่างก็มีความคิดว่าความเจริญของฟุตบอลเยอรมันนั้น ก็สามารถเกิดจากการร่วมกันสนับสนุนจากแฟนบอลได้ไม่ต่างจากพวกนายทุน ประกอบกับการที่ทาง เร้ด บูล มีสโมสรในเครือถึง 4 สโมสร ซึ่งได้แก่ แอร์เบ ไลป์ซิก, เร้ดบูล บราซิล, นิวยอร์ค เร้ดบูล และ เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก
ทำให้แฟนบอลเยอรมันอดคิดไม่ได้ว่า การเข้ามาของ เร้ดบูล เป็นไปในทางผลประโยชน์เป็นหลัก นั้นจึงทำให้บรรดาแฟนบอลเยอรมันฯพากันต่อต้าน แอร์เบ ไลป์ซิก กันทุกทีม
ที่มา skysports









