ร่วมเป็นกำลังใจให้ปิ่น-อัญชญา สู้ต่อไป เพราะเราเชื่อว่าความพยายามของเธอ จะเป็นแรงบันดาลใจที่ดี ให้ใครหลายคนหันมาลุกขึ้นสู้กับทุกปัญหาเช่นเดียวกัน
มีคำกล่าวว่า การชนะตัวเองได้ ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การได้เหรียญรางวัล และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับปิ่น อัญชญา นักว่ายน้ำพาราลิมปิกทีมชาติไทย ที่ลงแข่งไปแล้วเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564
กีฬาพาราลิมปิกนั้น ไม่ได้มีขึ้น เพียงเพื่อแค่วัดความเป็นเลิศของนักกีฬาเท่านั้น แต่จุดประสงค์ของมันอีกหนึ่งอย่างคือ เป็นการตั้งคำถามว่า มนุษย์คนหนึ่งที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์ จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้หรือไม่
ดังนั้นเรื่องแพ้-ชนะ เป็นเรื่องรอง แต่การทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถและก้าวผ่าน สิ่งที่ตัวเองยังไม่เอาชนะได้มาก่อน นี่ล่ะ คือความภาคภูมิใจที่ประเมินค่าไม่ได้

ปิ่น อัญชญา เกตุแก้ว เป็นนักกีฬาที่เริ่มสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เธอคว้าเหรียญทองอาเซียน พาราเกมส์ ในปี 2015 ด้วยการคว้า 7 เหรียญทอง จากนั้นในปี 2018 เธอลงแข่งเอเชียนพาราเกมส์ ซึ่งเป็นรายการที่มีระดับสูงขึ้น แต่เธอก็ยังคว้ามาได้ 2 เหรียญทองแดง
สำหรับพาราลิมปิกนั้น ปิ่น-อัญชญา เคยลงแข่งที่ริโอเกมส์มาแล้วในปี 2016 ในว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ 100 เมตรหญิง ในกลุ่มผู้พิการระดับ S9 โดยครั้งนั้นเธอทำเวลาได้ 1 นาที 08.34 วินาที ตกรอบคัดเลือกอย่างน่าเสียดาย
มาในคราวนี้ ความจริงอัญชญาเตรียมพร้อมอย่างมาก ที่จะแข่งขันในพาราลิมปิกในปี 2020 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การแข่งขันต้องเลื่อนมาอีก 1 ปี ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลต่อการซ้อม ที่เธอต้องใช้ความอดทนมากขึ้น ต้องประคองร่างกายและรักษาความฟิตเอาไว้ให้ได้ตลอด จนญี่ปุ่นพร้อมจัดการแข่งขันในปี 2021
ความยอดเยี่ยมของปิ่น อัญชญา ที่หลายคนอาจไม่ทราบก็คือ ในว่ายน้ำฟรีสไตล์หญิง 100 เมตร คลาส S9 มีนักกีฬาที่เข้ามาแข่งรอบสุดท้ายเพียงแค่ 20 คนทั่วโลกเท่านั้น และในเอเชียมีคนที่เข้าเกณฑ์ได้แข่งขันแค่ 2 คน คือนักว่ายน้ำจากจีน และ อัญชญาจากไทย ดังนั้นเราสามารถพูดได้เลยว่า ปิ่น อัญชญา อยู่ในเลเวลของเอเชียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของสื่อมวลชนต่างชาติ คิดว่าปิ่น อัญชญา มีประสบการณ์น้อยเกินไปในระดับนี้ และมีโอกาสสูงมากที่จะจบรอบคัดเลือกเป็นอันดับสุดท้าย
31 สิงหาคม ในวันแข่งขันรอบคัดเลือกฮีท 2 มีนักว่ายน้ำทั้งหมด 7 คน ปิ่น-อัญชญาอยู่ในลู่ที่ 1 เธอออกสตาร์ตไม่ดีนัก ส่งผลให้ในช่วง 50 เมตรแรก เธอเข้าป้ายมาเป็นอันดับสุดท้าย คืออันดับ 7
อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านครึ่งทางเป็นอันดับ 7 แต่ปิ่น-อัญชญา ไม่ยอมให้ตัวเองจบบ๊วย เธอรวมพลังเต็มที่ว่ายอย่างสุดพลัง จนสุดท้ายแซงหน้า เอเลน่า กลิอัชคีน่า จากรัสเซียได้สำเร็จ พลิกแซงเป็นที่ 6 แทน
จริงอยู่แม้ ปิ่น-อัญชญาจะไม่ผ่านเข้ารอบ แต่ความพยายามในสระว่ายน้ำที่ไม่ท้อถอยจนวินาทีสุดท้าย ทำให้เธอสามารถขยับมาจบอันดับ 6 ได้ หนีการเป็นบ๊วยได้สำเร็จ คือแน่นอน อาจจะไม่ได้เหรียญรางวัลประดับคอ แต่เราก็เห็นว่าเธอพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ที่จะรักษาศักดิ์ศรีในฐานะนักกีฬาไทยเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
เราจะเห็นได้ว่าการแข่งขันกีฬามันมีปลายทางหลายอย่าง บางคนอาจจะคิดถึงแต่เรื่องเหรียญทองอย่างเดียว ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่บางคน อยากต่อสู้อย่างสุดความสามารถของตัวเอง เพื่อให้ได้รู้ว่า ในเวทีระดับโลก เราะจะไปได้ไกลถึงไหน คนแบบนี้ก็มีเช่นกัน










