กทม. ยืนยันไม่มีเจตนาชะลอการชำระหนี้สายสีเขียว แต่เน้นความครบถ้วนตามข้อบัญญัติ และต้องผ่านการพิจารณาของสภา กทม. ยืนยันมีเงินสะสมกว่า 70,000 ล้านบาท เพียงพอที่จะชำระหนี้ และพร้อมที่จะจ่ายเงินทันทีเมื่อกระบวนการถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย

กรุงเทพมหานคร นำโดย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้ากรณีการชำระหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ทำการสื่อสารคลิปวิดีโอทวงถามหนี้กว่า 4 หมื่นล้านบาท
นายวิศณุ สรุปเหตุผลที่ยังไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้สินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ได้ว่า กทม. ไม่ได้มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ แต่เนื่องจาก กทม.ได้มีการสนับสนุนค่าบริการเดินรถและซ่อมบำรุงมาตลอดจนถึงเดือน เม.ย. 2562 จนกระทั่งมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 62 ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ และได้มีการเจรจาให้เอกชนรับภาระค่าจ้างเดินรถของส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่ พ.ค. 2562 (ระบุไว้ในร่างสัญญาร่วมทุน)
มูลค่าหนี้ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ค่าดอกเบี้ย เนื่องจาก กทม. ไม่มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ และสัญญาที่ กทม. ทำกับกรุงเทพธนาคาร (KT) ไม่ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ นอกจากนี้ กทม. เห็นว่า KT ควรมีการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อตรวจสอบ คิดคำนวณค่าจ้างใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งอาจทำให้ยอดหนี้เปลี่ยนไปไม่ตรงกับที่เอกชนฟ้อง และหากมีการดำเนินการครบถ้วนและมีข้อยุติการต่อสัมปทานจาก ครม. แล้วก็สามารถชำระหนี้ได้
สัญญาสายสีเขียว แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สัญญาสัมปทานส่วนหลัก คือ หมอชิต-อ่อนนุช และ สนามกีฬา-สะพานตากสิน สัญญาจ้างเดินรถ ส่วนต่อขยายที่ 1 สะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และ อ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่ง กทม.ทำสัญญาจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ให้บริหารและจัดการระบบ ก่อนที่กรุงเทพธนาคมจะทำสัญญาจ้างบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส เดินรถและซ่อมบำรุง
สำหรับส่วนต่อขยายที่ 2 บันทึกมอบหมายยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากสภากรุงเทพมหานคร กทม. ไม่ได้มีการทำนิติกรรมโดยตรงกับ เอกชน มีเพียงการทำบันทึกมอบหมายให้กับ KT เท่านั้น นอกจากนี้ในบันทึกข้อตกลงมอบหมายข้อที่ 133 ยังมีการระบุไว้ว่า บันทึกข้อตกลงนี้ไม่มีผลทำให้บริษัทกรุงเทพธนาคาร เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร ซึ่งในส่วนนี้ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามข้อบัญญัติของ กทม. และต้องผ่านการพิจารณาของสภากรุงเทพมหานครด้วย

- ไทม์ไลน์โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวย้ำว่า กระดุมเม็ดแรกกลัดไม่ถูกเลยเกิดปัญหา ฝ่ายบริหารอยากจ่าย ถ้าตรงมาตรงไป ไม่มีเจตนารมณ์ชะลอ เพียงแต่บันทึกมอบหมายไม่สมบูรณ์ หนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภา กทม.
กทม. ไม่มีเจตนาที่จะชะลอการชำระหนี้ให้แก่บริษัทเอกชน แต่มีข้อสังเกตคือ บันทึกมอบหมายยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากลงนามมอบหมายในวันที่ 28 ก.ค. 59 โดยที่ยังไม่ได้มีการทำโครงการเสนออนุมัติงบประมาณจากสภา กทม.
ซึ่งในปี 2561 สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ได้เสนอขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ค่าเดินรถเข้าที่ประชุมสภา กทม. ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2561 เพื่อขอจัดสรรงบประมาณโครงการติดตั้งระบบเดินรถและบริหารจัดการเดินรถระบบขนส่งมวลชนสายสีเขียว ระยะเวลาดำเนินการ 15 ปี (2561-2575) วงเงินรวม 31,988,490,000 บาท (เป็นเงินงบประมาณ กทม. 12,000,000,000 บาท และเงินนอกงบประมาณ 19,988,498,000 บาท)
ปี 2561 ตั้งงบประมาณจำนวน 1,000,000,000 บาท เสนอต่อสภากรุงเทพมหานคร สภา กทม.ได้พิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปี พ.ศ. 2561 แต่โครงการดังกล่าวไม่ได้ถูกรับการพิจารณาและบรรจุอยู่ในร่างงบประมาณดังกล่าว
และเมื่อปี 2564 สำนักการจราจรและขนส่ง ได้เสนอขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ค่าเดินรถเข้าที่ประชุมสภา กทม. โดยเสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดสรรงบประมาณในการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 1 และส่วนต่อขยาย 2 จำนวนเงิน 9,246,748,339 บาท โดยได้จัดทำเป็นร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 (ฉบับที่ …) พ.ศ. … เสนอสภากรุงเทพมหานคร
ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 64 ได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ และมีมติไม่เห็นชอบให้ กทม. จ่ายขาดเงินสะสม เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง เงินสะสม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 และสภา กทม. มีข้อเสนอให้ กทม. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล หรือให้ใช้วิธีให้เอกชนรับภาระและให้ประโยชน์ตอบแทนในรูปสัมปทานเดินรถ หากไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอควรส่งโครงการดังกล่าวคืนให้ รฟม.
นายวิศณุ ระบุว่า ขณะที่อยู่ระหว่างดำเนินการวันที่ 11 เม.ย. 62 คสช. ได้มีคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ 3/2562 เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) โดยให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร เจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิม และจัดทำร่างสัญญาร่วมลงทุน พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
วันที่ 20 ส.ค. 62 ครม. มีมติรับทราบผลการเจรจาและร่างสัญญาและร่วมลงทุนโครงการฯ และให้กระทรวงการคลังเสนอความเห็น และระหว่างวันที่ 17 พ.ย. 63 – 22 ก.พ. 65 กทม. และกระทรวงมหาดไทยทำการจัดเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบการนำเสนอ ครม.
และวันที่ 13 มิ.ย. 65 กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้ง กทม. ขอทราบแนวทางการดำเนินโครงการเนื่องจากมี ผู้ว่าฯ กทม. และสภา กทม. ชุดใหม่ จากนั้นวันที่ 3 พ.ย. 65 ผู้ว่าฯ กทม. มีหนังสือตอบกลับ มท. ดังนี้
1) เห็นพ้องกับนโยบาย Through Operation ให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและงานติดตั้งระบบการเดินรถ
2) เห็นควรที่จะเดินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ พ.ศ. 2562
3) การหาข้อยุติของ ครม. ตามคำสั่ง คสช. จะทำให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงาน
นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวย้ำว่า กทม.มีเงินเพียงพอที่จะชำระหนี้ ซึ่งเป็นเงินสะสมของ กทม. ที่มีอยู่ 70,000 ล้านบาท ที่เตรียมไว้ในเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท สำหรับชำระหนี้ส่วนต่อขยาย 1 และพร้อมที่จะจ่ายเงินทันที แต่กระบวนการต้องครบถ้วนตามกฎหมายเสียก่อน
สำหรับมูลค่าหนี้ที่ภาคเอกชนทวงถามมีจำนวน 4 หมื่นล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) แยกเป็น
ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 1 จำนวน 3,800 ล้านบาท
ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 2 จำนวน 14,000 ล้านบาท
ค่าระบบอาณัติสัญญาณ จำนวน 19,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
‘ชัชชาติ’ ตอบปมหนี้รถไฟฟ้าบีทีเอส มีขั้นตอนหายไป “ใจเราไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าหากเป็นหนี้ก็ต้องจ่าย”










