กลุ่ม CARE จัดงานให้นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ภาคประชาชน เสนอความคิดเรื่องรัฐธรรมนูญในฝัน หลายคนเห็นตรงกันต้องสั้น กระชับ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะที่กลุ่มเตรียมรณรงค์ทางความคิดล้างภาพจำประชาชนไม่ใช่เจ้าของประเทศ

วันที่ 8 ส.ค. 2563 ที่ลิโด คอนเน็ก กลุ่ม CARE จัดงาน “CARE ชวน คิด เคลื่อน เขียน รัฐธรรมนูญฉบับในฝัน ของประชาชน” โดยเชิญนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม ภาคประชาชน 14 คนเสนอความคิดเรื่องรัฐธรรมนู
รศ.โกวิท วงส์สุรวัฒน์ กล่าวว่า แม้ตนจะสอนหนังสือมาตั้งแต่
ตนได้ไปเรียนที่สหรัฐอเมริก

รศ.โกวิท กล่าวว่า ทางออกวิกฤติ ตนเห็นว่าต้องเขียนรัฐธรรมน
รศ.โกวิท กล่าวติดตลกด้วยว่า ตอนมี รัฐธรรมนูญปี 2540 ตนเกิดไอเดียบังคับลูกศิษย์
“อยากได้รัฐธรรมนูญในฝันที่

ด้านนายธีรชัย ระวิวัฒน์ นักศึกษา ชั้นปี 4 คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความรู้รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์เท่ากับอาจารย์หลายท่าน และไม่ได้เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพเหมือนกับนักต่อสู้หลายๆ ท่าน ตนเป็นแค่เด็กคนหนึ่งจาก จ.ราชบุรี ที่ไม่ได้ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน ตนจึงจะขอพูดเรื่องรัฐธรรมนูญในฝันของเด็กโง่คนหนึ่ง ไม่ใช่ในฐานะนักศึกษา
ตนอยากจะเชิญชวนให้มองรัฐธรรมนูญในมุมใหม่ ที่ไม่ใช่กฎหมายสูงสุด หรือกฎกติกา แต่จะมองในฐานะคู่ชีวิต ในฐานะแฟนของเรา รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้มาแล้ว 20 ฉบับ เหมือนเรามีแฟนมาแล้ว 20 คน เหมือนกับใครที่เดินเข้ามาแล้วก็จากไป มีทั้งเดินเข้ามาด้วยความหวังดี เข้ามาด้วยความประสงค์ร้าย มีทั้งเดินเข้ามาแล้วแล้วสบายใจ มีความหวัง มีทั้งเดินเข้ามาแล้วอยู่ไม่เท่าไรเขาจะต้องเดินจากไป
สเป็กของคนที่ชอบ ตนอยากได้คนที่อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าไม่ทอดทิ้งเรา รัฐธรรมนูญก็เช่นเดียวกัน เราอยากได้ฉบับที่ประกาศใช้แล้วเราอุ่นใจ ปลอดภัยจากอำนาจรัฐที่จะมาริดรอน รู้สึกอุ่นใจที่จะมีบทบัญญัติที่ไม่ทอดทิ้งเราจากอำนาจรัฐ หรือจากอำนาจทั้งในและนอกระบบที่ป่าเถื่อน
เราอยากได้คนที่ไม่จู้จี้จุกจิก ระแวงเราไปหมด รับธรรมนูญก็เหมือนกัน เราไม่อยากได้ที่มีข้อบังคับมากมายหยุมหยิมขยับไม่ได้ ไม่ไว้ใจเราในฐานะประชาชน ไม่เชื่อว่าเราคิดเองได้ ต้องมีหน่วยงานคอยมาตรวจสอบ ตีกรอบความคิด

เราอยากได้คนที่คุยกับเรารู้เรื่อง คนที่จะเป็นแฟนกันได้ต้องคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง แม้ว่าจะพูดคนละเรื่อง แต่สามารถอธิบายแนวคิดระหว่างกันแล้วเข้าใจได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงควรเข้าใจง่าย ไม่ต้องยาก พูดภาษาเดียวกับเรา ไม่ต้องใช้ภาษากฎหมายที่ยากมากมายต้องอาศัยใครมาวินิจฉัยและตีความให้
เราอยากได้คนที่ไม่ว่าจะทะเลาะกันเท่าไร เราจะปรับตัวเข้าหากันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ เช่นกันเราอยากได้รัฐธรรมนูญที่ปรับแก้ได้ไม่ใช่แก้ยากจนเกินไปหรือง่ายจนเสียหลักการที่ควรยึดถือ
เราอยากได้คนที่คิดถึงเรา ทำเพื่อเรา มองว่าเราเป็นคนสำคัญ เช่นกันเราอยากได้รัฐธรรมนูญที่คิดถึงและทำเพื่อประชาชน ออกแบบมาเพื่อประชาชน ไม่ใช่ดีไซน์มาเพื่อพรรคการเมือง มองประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดจริงๆ ไม่ใช่แค่ตัวอักษร
รัฐธรรมนูญจึงควรแค่ใส่หลักการง่ายๆ แต่ขอให้มั่นคงในหลักการ 3 ข้อ 1.ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดจริงๆ 2.หลักว่าด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคนรวยคนจน อำนาจเก่าอำนาจใหม่อยู่ร่วมกันได้ ทุกคนมีที่ยืน 3.หลักว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ
“ถ้าเราเจอคนที่ใช่เราจะอยากอยู่กับเขาไปนานๆ แล้วเมื่อนานเข้าเราจะเกิดความผูกพันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต รัฐธรรมนูญจะกลายเป็นจิตวิญญาณและศูนย์รวมใจ เมื่อนั้นจะเกิดกระบวนการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญขึ้นเองเพราะความรัก เราจะไม่ยอมให้ใครถือปืนแล้วฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปจากเรา ถ้าจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หวังว่าจะไม่มีพื้นฐานมาจากความโกรธและความเกลียดชัง แต่ขอให้ร่างจากความรัก เพราะความรักจะเป็นเกราะป้องกันรัฐธรรมนูญของพวกเราได้ดีที่สุด”

ขณะที่นางลักขณา ปันวิชัย หรือ “คำ ผกา” พิธีกรและคอลัมนิสต์ ในฐานะผู้แทนกลุ่ม CARE กล่าวว่า จากแนวคิดของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะถูกฉีกไปกี่ครั้ง แต่ฉบับที่ยังคงอยู่คือ รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมไทย ซึ่งหมายถึง สำนึกแห่งความเป็นไพร่เป็นทาส ความงมงายที่ก่อรูปเป็นวาทกรรม ฝังในจิตสำนึกว่าประเทศไทยไม่ใช่เป็นของราษฎรซึ่งทำให้การรัฐประหารประสบความสำเร็จมีความชอบธรรม และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือเดียวในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองในสังคมไทย

ดังนั้น กลุ่ม CARE เห็นว่าถ้าจะมีรัฐธรรมนูญที่จะไม่ถูกฉีกทิ้ง ต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมให้สำเร็จ ต้องประกาศอิสรภาพจากอำนาจที่กดไว้ โดยจะรณรงค์ผ่านสื่อว่าด้วยประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญ โดยเป็นคลิปที่นำเสนอต่อเนื่องให้เข้าใจง่ายผ่านทาวงเพจของกลุ่ม และจะต่อยอดไปถึงการสร้างบทสนทนาว่าด้วยรัฐธรรมนูญที่พึงมีของสังคมไทยให้กว้างขวางที่สุด เพื่อระดมความเห็นและสร้างการมีส่วนร่วมในรัฐธรรมฉบับวัฒนธรรมใหม่ และสร้างรัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษรที่จะยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป โดยจะเขียนให้ไม่เกิน 30 หน้ากระดาษ










