สถานการณ์การเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความรู้สึกที่หลากหลายให้กับคนที่ติดตามความเป็นไปของประเทศชาติด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ถ้าไม่หูหนวกตาบอดจนเกินไปนัก เราคงตระหนักดีว่าเรื่องที่สำคัญของประเทศ ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นในการพูดคุยกัน หลายคนเป็นห่วงว่าปมประเด็นเหล่านี้ จะกลายเป็นชนวนที่นำไปสู่ความสูญเสีย เฉกเช่นที่เคยมีมาครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์การเมือง หลายคนเป็นห่วงว่าปมประเด็นเหล่านี้จะนำมาซึ่งความบาดหมาง สร้างรอยร้าวที่ฝังลึกในสังคมไทย
ทำความเข้าใจช่องห่างระหว่างวัย หัวใจสำคัญในการอยู่ด้วยกัน
สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม คุณต้องลองมองผ่านแว่นจากมุมนักศึกษา เขาเกิดปีไหน โตปีไหน เห็นอะไรบ้าง รับรู้อะไรบ้าง แล้วมันประหลาดมากหรือที่เขาจะมีความคิดความเชื่อแบบนั้น เมื่อเกิดความสงสัย ลองเปิดโอกาส เปิดใจรับฟัง สอบถาม พูดคุยกับเขา ไม่ใช่ถือตนว่าเป็นผู้ใหญ่ ใช้วิธีสั่งสอนอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับคนรุ่นใหม่ ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อเข้าสู่โลกแห่งความจริงแล้ว มันจะมีเงื่อนไขหลายอย่างที่อาจจะไม่ตรงอุดมคติไปบ้าง การคิด กับลงมือทำจริงมันมีความแตกต่างกันอยู่ อีกไม่นานเมื่อเข้าสู่วัยทำงานก็จะเข้าใจมากขึ้น
และที่สำคัญ อย่ารีบแปะป้ายคนเห็นต่าง การทักท้วงจากคนอื่น ถ้าแยกแยะให้ดีจะเห็นถึงความหวังดีจากเขา ช่วงเวลาเช่นนี้ การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างกันไว้บ้าง อาจจะช่วยให้เราหาจุดลงตัวในการอยู่ร่วมกันได้
สานบทสนทนาอย่างเปิดใจรับฟังกัน หัวใจหลักในการฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
เรื่องที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องสำคัญในสังคมไทย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือบทสนทนาต่อเรื่องสำคัญ ณ ตอนนี้ กลับไปให้น้ำหนักกับสุ้มเสียงสุดโต่ง กับคนที่ใช้กระบอกเสียงผ่านสื่อ ที่หลายคนดูขาดสติ ขาดความไตร่ตรอง
คนพวกนี้ อย่าว่าแต่เรื่องสำคัญเรื่องใหญ่ๆ ของประเทศเลย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่สมควรจะไปรับฟังให้น้ำหนักอะไรมากนัก – แต่กลไกทางสังคมหลายๆ อย่าง ทำให้สิ่งที่เราได้ยินอยู่ตอนนี้ มีแต่เสียงสุดโต่งเช่นนี้เต็มไปหมด
ความหวาดกลัวในการพูดเรื่องสำคัญของประเทศ ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย ทำให้บทสนทนาที่เป็นเหตุเป็นผล แลกเปลี่ยนพูดคุยเพื่อหาทางออก เกิดขึ้นได้ยาก จึงสำคัญที่เราต้องเปิดใจ เริ่มต้นพูดคุย การพูดคุยกันที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องปักธงว่าจะต้องเห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวอะไรกัน ไม่ต้องหาทางออกหรือคำตอบในระยะสั้นด้วยซ้ำ
ขอเพียงได้แลกเปลี่ยน รับฟังกัน มันจะนำพาไปสู่ความเข้าใจ ข้อมูลใหม่ๆ ทางออกใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ ได้ ดีกว่ากดทับ เก็บเงียบกัน แล้วทำให้เสียงที่เหลืออยู่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ขาดสติ ซุบซิบติฉินนินทากัน อย่างไร้ซึ่งความหวังว่าเราจะหาทางออกกันได้อย่างไร
มันน่าเศร้าใจมากที่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ทีไร สิ่งที่เราต้องเตรียมใจไว้คือการสูญเสียอีกครั้ง การอยู่กันอย่างหวาดกลัว และมองกันและกันอย่างอคติจนเกินไปนักนั้นมันน่าหดหู่เกินไปสำหรับยุคสมัยปี 2020 ที่โลกเปิดกว้าง ยุคสมัยที่เราจำเป็นจะต้องมีความหวังต่อกันและกันได้แล้ว
ความสูญเสียเป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องการเลย พวกเราในที่นี้รวมถึงทุกคน เด็ก ผู้ใหญ่ คนเฒ่าแก่ พนักงานออฟฟิศ นักศึกษา ทหาร หรือรัฐบาลเองก็ตาม
พวกเราที่อยู่ในประเทศตอนนี้ ล้วนมีใจที่หวังดี มีความกังวลต่อสถานการณ์ประเทศ พวกเราหลายคนอึดอัด อยากส่งเสียง อยากแสดงความเห็น เมื่อไม่อยากให้ความสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องพยายามหาทางเลี่ยงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดเหล่านี้ พูดคุยและหาทางออกกันให้ได้ ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงที่อยากลำบาก และสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะยุติสิ้นสุดลงง่ายๆ
สำหรับรัฐบาลอย่าคุกคามประชาชน เป็นตัวตั้งตัวตีเปิดพื้นที่ให้คนได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน สำหรับประชาชน อดทนอดกลั้น เปิดใจรับฟัง เคารพสิทธิของกันและกัน สิ่งเหล่านี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่ร่วมกันต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้










