ถอดรหัส MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทยเสียประโยชน์จริงหรือไม่?

ถอดรหัส MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไทยเสียประโยชน์จริงหรือไม่?

การเมือง

หลังไทยลงนาม ‘บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญ’ กับสหรัฐฯ ก็เกิดคำถามและข้อถกเถียงตามมาทันที ว่าข้อตกลงนี้จะเปิดโอกาสใหม่ หรือทำให้ไทยเสียเปรียบในเกมทรัพยากรระดับโลก?

แม้จะเป็นเพียงข้อตกลงเชิงเทคนิคที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า MOU นี้อาจมีผลโดยตรงต่ออนาคตเศรษฐกิจและทรัพยากรของประเทศ

บทความนี้ TODAY จะสรุปสาระสำคัญจากเอกสารต้นฉบับ ให้เข้าใจง่ายที่สุดว่าบันทึกความเข้าใจฉบับนี้พูดว่าอย่างไร?

 

สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ

เว็บไซต์ทำเนียบขาวเผยแพร่รายละเอียดของ ‘บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญและการส่งเสริมการลงทุน’ ระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย

MOU ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง กลไกความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ธาตุที่มั่นคง โปร่งใส และยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการค้าและการลงทุนในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ตั้งแต่การสำรวจ การขุด การแปรรูป การกลั่น การรีไซเคิล ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ใหม่

โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกัน พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้แร่ธาตุสำคัญและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งกำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ทั้งสหรัฐฯ และไทย ยังเห็นพ้องสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแรร์เอิร์ธที่เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และโปร่งใส ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงการจัดตั้ง ตลาดซื้อขายที่มีมาตรฐานสูง เพื่อเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว

 

กรอบความร่วมมือหลัก

เอกสารบันทึกความเข้าใจที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว ระบุรายละเอียดของความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ไว้อย่างเป็นทางการ ครอบคลุมทั้งเป้าหมายหลัก กลไกการดำเนินงาน และแนวทางการคุ้มครองตลาดภายในประเทศ ดังนี้

  • เป้าหมายความร่วมมือ

ภายใต้บันทึกความเข้าใจ ทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ด้านแร่ธาตุสำคัญ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียวในอนาคต

บันทึกความเข้าใจมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือที่มั่นคง โปร่งใส และยั่งยืน ส่งเสริมการค้าและการลงทุนในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ตั้งแต่การสำรวจ การขุด การแปรรูป การกลั่น ไปจนถึงการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันเพื่อเพื่อส่งเสริม การวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยี ในอุตสาหกรรมที่ใช้แร่ธาตุสำคัญ

 

  • กลไกและการดำเนินงาน

ในด้านการดำเนินงาน ทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านแนวปฏิบัติสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมแร่ธาตุสำคัญของไทย รวมถึงให้ความช่วยเหลือในการวิเคราะห์ขอบเขตของทรัพยากรแร่ในประเทศ และประสานงานในโครงการที่มีความสำคัญ เพื่อส่งเสริมให้เกิดห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง ยืดหยุ่น และมีความรับผิดชอบ

บันทึกความเข้าใจระบุว่า แต่ละฝ่ายสามารถพิจารณาได้เองว่าโครงการใดเหมาะสมต่อการลงทุน โดยภาคีคาดหวังจะได้รับ ‘โอกาสแรกในการลงทุน’ สำหรับสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญ ภายใต้กฎหมายของประเทศนั้นๆ เช่น สินทรัพย์แร่ที่ขายในประเทศไทย หรือโดยบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือจดทะเบียนในไทย ก็จะต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายของไทย

การลงทุนจะครอบคลุมถึง การถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาศักยภาพ และการฝึกอบรมบุคลากร โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปและห่วงโซ่มูลค่าในประเทศเป็นลำดับแรก

โดยกลไกความร่วมมือนี้ครอบคลุมถึงการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ การจัดสัมมนา เวิร์กช็อป และการทำงานร่วมด้านธรณีวิทยา รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานในภาคอุตสาหกรรมแร่ธาตุสำคัญ

บันทึกความเข้าใจยังระบุถึง ความร่วมมือด้านกฎระเบียบและการลงทุน เช่น การปรับปรุงกระบวนการอนุญาตให้คล่องตัวมากขึ้น การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และการประสานงานระหว่างรัฐบาลระดับชาติและท้องถิ่น

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศจะพัฒนา หรือเสริมสร้างกลไกทางกฎหมาย เพื่อป้องกันการขายสินทรัพย์ด้านแร่ธาตุสำคัญและแรร์เอิร์ธในกรณีที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ

  • การค้าและการคุ้มครองตลาดภายในประเทศ

ในด้านข้อมูลการลงทุน ภาคีทั้งสองจะแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการประกวดราคาและโครงการต่างๆ โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม และมีเวลาเพียงพอในการเข้าร่วมการประมูลหรือโครงการนั้นๆ

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือด้านการค้าและการกำกับตลาด ซึ่งถือเป็นอีกส่วนสำคัญของกรอบความร่วมมือครั้งนี้ โดยทั้งสองฝ่ายตั้งใจจะร่วมกันว่าจะ คุ้มครองตลาดแร่ธาตุภายในประเทศบนพื้นฐานของนโยบายเชิงกลไกตลาด (market-oriented policy) และการค้าที่เป็นธรรม ผ่านการจัดตั้ง ‘ตลาดซื้อขายแร่ที่มีมาตรฐานสูง’ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิในการซื้อขายพิเศษ ภายใต้กรอบราคาที่อาจรวมถึง ‘ราคาขั้นต่ำ’ หรือมาตรการในลักษณะเดียวกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพและความเป็นธรรมของตลาดในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม MOU ฉบับนี้ เป็นข้อตกลงเชิงความร่วมมือ ไม่ใช่สนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และไม่มีภาระผูกพันทางงบประมาณ แต่ละฝ่ายสามารถยุติความร่วมมือได้ทุกเมื่อ ด้วยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูต

 

เสียงวิจารณ์และความท้าทายของไทย

หลังจากรายละเอียดของบันทึกความเข้าใจถูกเผยแพร่โดยทำเนียบขาว เสียงสะท้อนในสังคมไทยเริ่มแตกออกเป็นหลายมุม บางฝ่ายมองว่าความร่วมมือครั้งนี้คือ ‘โอกาสสำคัญ’ ที่จะผลักดันไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ขณะที่อีกฝ่ายตั้งคำถามว่า ไทยมีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ทั้งในแง่อุตสาหกรรม กฎหมาย และการบริหารจัดการทรัพยากร

นักวิชาการและภาคประชาชนบางส่วนแสดงความกังวลว่า การที่ MOU กำหนดให้ ‘ภาคีมีสิทธิ์ได้รับโอกาสแรกในการลงทุน’ อาจเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามามีบทบาทเหนือแหล่งแร่ของไทย โดยเฉพาะเมื่อไทยยังไม่มีระบบตรวจสอบความโปร่งใสด้านการสำรวจและการอนุญาตอย่างเข้มแข็ง อีกทั้ง พื้นที่ที่มีศักยภาพด้านแร่หายากหลายแห่ง เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังทับซ้อนกับพื้นที่เกษตรและชุมชนท้องถิ่น ซึ่งอาจทำให้การลงทุนต้องเผชิญแรงต้านทางสังคมในระดับสูง

ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญพลังงานกลับมองต่างออกไป พวกเขาเห็นว่านี่คือช่วงเวลาที่ไทยควรใช้ต่อยอด เพราะตลาดโลกกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีสะอาด หากไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมปลายน้ำ อย่างการแปรรูปหรือผลิตวัสดุสำหรับแบตเตอรี่และชิ้นส่วนพลังงาน จะช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพยากรในประเทศ และลดการพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบ ที่สำคัญ บันทึกความเข้าใจนี้ยังเปิดช่องให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทักษะบุคลากรในประเทศ ซึ่งหากดำเนินการได้จริง จะช่วยยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม คำถามใหญ่ที่ยังคงอยู่คือ ไทยมีระบบอุตสาหกรรมพร้อมรองรับการลงทุนแล้วหรือยัง ปัจจุบันไทยยังไม่มีโรงงานแปรรูปแร่หายากในระดับอุตสาหกรรม และยังขาดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนสำหรับกระบวนการผลิตในกลุ่มนี้ การเร่งลงทุนโดยไม่มีโครงสร้างรองรับอาจทำให้ไทยกลายเป็นเพียง ‘ฐานส่งออกวัตถุดิบ’ มากกว่าจะเป็นประเทศผู้พัฒนาเทคโนโลยีอย่างแท้จริง

PattananWriterPattanan

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง