เลือกตั้ง 66 กกต. จะติดป้ายไวนิลให้ข้อมูลผู้สมัคร ส.ส. หลังเกิดเสียงวิจารณ์ ‘บัตรเลือกตั้ง’

เลือกตั้ง 66 กกต. จะติดป้ายไวนิลให้ข้อมูลผู้สมัคร ส.ส. หลังเกิดเสียงวิจารณ์ ‘บัตรเลือกตั้ง’

การเมือง

เลขาธิการ กกต. เผย ใช้วิธีติดป้ายไวนิลให้ข้อมูล ผู้สมัคร ส.ส. แก้ปัญหาบัตรเลือกตั้ง ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อาจจะทำประชาชนสับสน

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ การอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการกาบัตรในคูหา

1. หน้าหน่วยเลือกตั้ง ติดแผ่นไวนิล ขนาด 1.5 × 3 เมตร มีข้อมูลประกอบด้วย

1) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มี (1) ช่องกา (2) หมายเลข (เบอร์) (3) ชื่อผู้สมัคร (4) ชื่อ พรรคการเมือง พร้อมเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง

2) แบบบัญชีรายชื่อ มี (1) ช่องกาเครื่องหมาย (2) หมายเลข (เบอร์) (3) ชื่อ พรรคการเมืองพร้อมเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง

2. ในหน่วยเลือกตั้ง ติดแผ่นไวนิล ขนาด 1×2 เมตร ณ จุดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อมองจากคูหาเลือกตั้ง เป็นข้อมูลแบบเดียวกัน เหมือนที่ติดหน้าหน่วย ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อจำกัดตามมาตรา 84 ของพ.ร.ป. เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่อาจกำหนดรูปแบบบัตรให้มีลักษณะเดียวกันได้ เพราะกฎหมายกำหนดให้รูปแบบบัตรต้องต่างกันอย่างชัดเจน

ตัวอย่างป้ายไวนิล ภาพจากเฟซบุ๊ก : Sawaeng Boonmee

ตัวอย่างป้ายไวนิล ภาพจากเฟซบุ๊ก : Sawaeng Boonmee

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 นายแสวง เลขาธิการ กกต. ได้เคยชี้แจงเกี่ยวกับ บัตรเลือกตั้ง ส.ส. 2566 ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะ บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ที่จะมีเฉพาะหมายเลข ไม่มีรูป ไม่มีชื่อผู้สมัคร สรุปได้ดังนี้

บัตรเลือกตั้งปี 2566 แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ จะใช้บัตรมาตรฐานเหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา

โดยข้อดีของ “บัตรมาตรฐานแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง” มีความชัดเจนแตกต่างจากบัตรแบบบัญชีรายชื่อ คือ นอกจากสีจะต่างกันแล้ว องค์ประกอบภายในบัตรก็จะต่างกัน ทำให้ประชาชนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่สับสน เพราะบัตรประเภท 1 มีเพียงหมายเลข ไม่มีตัวหนังสือ และสัญลักษณ์ใด ต่างจากบัตรอีกประเภทที่มีครบทั้ง 3 อย่าง เป็นการป้องกันบัตรเสีย อันเกิดจากความสับสนลักษณ์นี้อีกทางหนึ่งด้วย

“ทั้งยังประหยัดงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพราะบัตรมาตรฐานพิมพ์ พร้อมกันในครั้งเดียว แต่บัตรแบบเฉพาะเขต ต้องสั่งพิมพ์ 400 ครั้งตามจำนวนเขต เมื่อปริมาณพิมพ์ต่อครั้งมีจำนวนน้อย จะทำให้ค่าพิมพ์ต่อครั้ง ใช้เงินจำนวนมากขึ้น และสะดวกในการบริหารจัดการ นำเวลาที่ต้องมาทำงานธุรการ อาทิ การส่งให้ตรงกับเขต กรณีเป็นแบบเฉพาะ ถ้าส่งผิดเขตจะใช้แทนกันไม่ได้ การพิมพ์บัตรสำรองในแต่ละเขต ก็ต้องมีสำรองครบตามจำนวนเขต เพราะใช้แทนกันไม่ได้ เป็นต้น ทำให้สามารถนำเวลาที่เหลือจากงานธุรการไปทำงานอื่นให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากกว่า” นายแสวง เลขาธิการ กกต. เคยระบุใน เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง