ในวงการ T-Pop ที่ช่วงนี้กำลังคึกคัก คงไม่มีใครไม่รู้จักวง 4EVE ที่มีเพลงฮิตติดหูมากมาย พร้อมคาแรกเตอร์และความสามารถของสมาชิกแต่ละคนที่น่าจับตามอง First Things First ชวนคุยกับพี่ใหญ่ของวงอย่าง ‘มายด์ อาทิตยา ตรีบุดารักษ์’ ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่กับปัจจุบันและเชื่อมั่นในศักยภาพของ 4EVE กับการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต
ชอบทำงานเพราะได้งานที่อยากทำ
มายด์เกริ่นว่าสิ่งที่ตัวเองให้ความสำคัญคือ ‘การทำงานและเงิน’ มายด์เล่าว่าตัวเองชอบทำงาน และคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำและอยากทำให้เต็มที่ ด้วยความที่เป็นคนมีอารมณ์ศิลปินตั้งแต่เด็ก ถ้ามีอะไรที่อยากทำจะอยากทำมาก แต่อะไรที่ไม่อยากทำจะไม่ทำเลย มายด์บอกว่าถึงตัวเองจะพูดถึงเรื่องเงินบ่อยและเป็นปัจจัยสำคัญก็จริงแต่ทุกอย่างเกิดจากการอยากทำงานก่อน
เงินคือกำไร-รางวัลที่เห็นแล้วหายเหนื่อย
มายด์อธิบายเหตุผลที่ให้ความสำคัญกับเงินว่า เพราะโลกใบนี้ต้องใช้เงิน เงินซื้อทุกอย่างได้ถ้ามากพอในเชิงการใช้ชีวิตทั่วไป เงินเหมือนสิ่งที่เป็นรางวัล เป็นกำไร ที่เห็นแล้วหายเหนื่อยจากการทำงาน มีความคิดว่าเราต้องหาเงินให้ได้มากกว่านั้น “ใช้เงินเก่ง ต้องหาเงินให้เก่งกว่า” และจะชอบใช้เงินที่ตัวเองหามามากๆ เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันมีศักยภาพมากพอที่เราจะใช้เงินที่หามาไปซื้อของที่เราอยากได้ต่อให้มันจะไร้สาระแค่ไหน
ไม่ไปเกาหลีเพราะเห็นศักยภาพของ 4EVE
“คือ 4EVE เราเริ่มต้นด้วยแพชชั่นจริงๆ ถ้าหนูอยากไปไกลกว่านี้อาจจะเลือกทางอื่นก็ได้ แต่มันคือความอยากทำ”
ย้อนกลับไปวันที่ต้องเลือก มายด์เล่าว่าวันนั้นเป็นเรื่องยากมากในชีวิต จริงๆ ตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างตัดสินใจเด็ดขาดอยู่แล้ว ถ้ามีตัวเลือกจะสามารถเลือกได้ว่าจะเอาสิ่งไหน แต่กับเรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากมาก ว่าจะอยู่กับ 4EVE ที่เดบิวต์ หรือไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลีใต้ เป็นโจทย์ที่ปรึกษาใครไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปที่ประเทศไทยจะไปได้ดีไหม อีกทั้งในเวลานั้นก็ไม่ได้คึกคักเหมือนตอนนี้ เราจะสู้กับวงการเพลงได้ไหม จะมีคนฟังเพลงเกิร์ลกรุ๊ปไหม ในขณะที่เกาหลีใต้เขาแข็งจริงในเรื่องนี้แต่เราเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ต้องไปฝึกอีกและที่เกาหลีใต้ศิลปินต้องดังเท่านั้นถึงจะเวิร์กเพราะการแข่งขันสูงมาก
วิธีการในการตัดสินใจของมายด์ตอนนั้นคือการคิดและเรียบเรียงทุกอย่างว่าอะไรเป็นข้อดี-ข้อเสีย และจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จนมายด์ได้ข้อสรุปในใจลึกๆ ว่าอยากอยู่ไทยเพราะเห็นศักยภาพของ 4EVE มันคือเหตุผลทางใจที่รู้สึกสบายใจกับคนกลุ่มนี้ มายด์คิดว่าสามารถไปได้ดีกับสมาชิกอีก 6 คน โดยไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่มั่นใจว่าทีมของตัวเองทำได้ ประจวบเหมาะกับตอนนั้นคุณพ่อไปดูดวงให้และหมอดูบอกว่าอยู่ไทยดีกว่า ตอนนั้นเหมือนมีคนมาคอนเฟิร์มความคิดเราที่อยากจะอยู่ไทยอยู่แล้ว มายด์ยืนยันว่าการดูดวงเป็นแค่ปัจจัยเล็กๆ เท่านั้น เพราะตัวเองตั้งใจที่จะอยู่ไทยกับ 4EVE อยู่แล้ว
สิ่งที่ได้จากการเป็น ‘พี่สาวคนโต’ ของ 4EVE
มายด์บอกว่าโดยนิสัยรู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นผู้นำ แต่กับ 4EVE ทุกคนมีความรับผิดชอบดีอยู่แล้วจึงเหมือนเป็นการดูแลกันและกันมากกว่า การเป็นพี่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น เหมือนความรู้สึกที่ว่าจะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไรถ้าตัวเองยังไม่ดี จากการเป็นพี่สาวคนโตของ 4EVE ได้ความสบายใจ เพราะทุกคนเก่งมากและทุกคนก็คอยสอนตัวมายด์เอง ในเรื่องบางเรื่องน้องๆ ก็ช่วยดึงกลับมาเหมือนกัน
มายด์ได้พูดถึงสิ่งที่ได้จากสมาชิกในวงแต่ละคน ว่า ‘ตาออม’ เป็นคนที่คล้ายกัน พูดกันตรงๆ เรื่องการจัดการเงินก็จะปรึกษา ‘โจริญ’ หรือความใจเย็นบางอย่างของ ‘ฝ้าย’ ที่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกสงบดี ความมีแพชชั่นมากๆ ของ ‘พั้นช์’ ก็ปลุกไฟในตัวเราได้เหมือนกัน หรือความใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของ ‘แฮนน่า’ ที่คนไม่ค่อยเห็น ในขณะที่ ‘อ๊ะอาย’ ก็เป็นเด็กน้อยมหัศจรรย์ ที่เราก็เห็นมาตลอดว่าเขาเป็นคนที่เก่งขนาดไหน
ดื้อ-เป็นนักสู้ นิยามความเป็น มายด์ 4EVE
มายด์ให้นิยามตัวเองว่า ดื้อและเป็นนักสู้มากๆ แต่ก็เป็นคนสบายๆ รู้สึกว่าชีวิตอย่าไปคิดเยอะ เพราะทุกวันมันยากพอแล้ว ตอนนี้อยากเอาชนะตัวเอง สู้กับตัวเองในเมื่อวานสนุกสุดแล้ว มันยิ่งกว่าการที่เราชนะใครสักคน คือเรารู้จักตัวเองมาตลอดว่าเป็นอย่างไรแล้วรอดูว่าเราจะไปได้อีกไหม มายด์ทิ้งท้ายปนติดตลกว่า “หนูว่ามายด์มันยังไปได้อีก”
นอกจากนี้ มายด์ยังเป็นคนให้ความสำคัญกับปัจจุบัน รู้สึกสนุกในการเห็นว่าแต่ละวันเจออะไรมากกว่าไปคาดหวังหรือคาดเดาว่าชีวิตพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เรามีโครงคร่าวๆ ไว้ได้ว่าเราอยากมี แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องไปตรงนั้น เรารู้สึกว่าอยากเจอเส้นทางอื่นอีกหลายๆ ทาง และปล่อยให้มันเป็นเรื่องของวันนั้น ‘ทุกวันมีชีวิตของมันเอง’ พรุ่งนี้มันขึ้นอยู่กับวันนี้ ทำวันนี้ให้ดี ถ้าวันนี้เราทำสิ่งนี้ได้พรุ่งนี้เราอาจจะต่อยอดสิ่งนี้ได้เหมือนกัน
ความมั่นใจในตัวเองจากการเลี้ยงดูของครอบครัว
“อยากจะบอกว่าการเลี้ยงลูก ตอนเด็กๆ ชมไปเถอะค่ะ” มายด์เกริ่นนำก่อนที่จะเล่าว่าตัวเองต้องขอบคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงแบบบาลานซ์ เพราะพ่อชมเก่งมาก แต่เวลาทำผิดแม่ก็จะดุ การที่พ่อชมทำให้ตัวเองกลายเป็นคนมั่นใจในตัวเอง กล้าคิดกล้าทำ ไม่มีกรอบและไม่มีคำถามกับตัวเอง มายด์ยังบอกอีกว่าตัวเองเป็นคนมีความภูมิใจในตัวเอง (self-esteem) และมีความรักตัวเอง (self-love) สูงมาก และคนเราจะมีเสน่ห์หรือดูดีเป็นเพราะข้างในเรามีความสุข
นอกจากนี้ มายด์ยังทิ้งข้อความถึงทุกคนที่ยังคงเจอปัญหาไม่มั่นใจในตัวเองว่า “อย่างแรกเลยคือไม่เป็นไรในความรู้สึกที่รู้สึกอยู่ ไม่เป็นไร…ชีวิตเราไม่ได้ง่าย มันไม่แปลกที่จะรู้สึกถาโถม”
“เราว่าคุยกับตัวเองเยอะๆ คุยกับตัวเองดีๆ รีเช็กกับตัวเองว่าเรารู้สึกอะไรอยู่ เราคิดยังไงกับเรื่องนี้กันแน่ เราอยากให้มันเป็นไปในทางไหนกันแน่ และลงมือทำ ทำไปเถอะค่ะ ใช้ชีวิตไปเถอะ ไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน อยากทำอะไรลงมือทำ เราว่าการที่ทำไปแล้วผลลัพธ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเราต้องการ 100% มันน่าจะดีกว่าการที่เราไม่ได้ทำตั้งแต่แรก”










