จิราพร เพื่อไทย ชี้รัฐบาลประเมินเศรษฐกิจผิด ส่อพาประเทศล้มละลายทางการคลัง

จิราพร เพื่อไทย ชี้รัฐบาลประเมินเศรษฐกิจผิด ส่อพาประเทศล้มละลายทางการคลัง

วันที่ 3 ก.ค. การประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลตั้งต้นร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฉบับนี้ ด้วยการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจที่คลาดเคลื่อน ทำให้การจัดสรรงบผิดพลาด และไม่สอดคล้องต่อโจทย์ปัญหาของประเทศในปัจจุบัน อีกทั้งทุกฝ่ายเห็นด้วยกันว่า รัฐบาลประเมินเศรษฐกิจผิดพลาด แต่กลับไม่มีความพยายามที่จะแก้ไข ดูเป็นการประมาทต่อวิกฤติครั้งนี้ และความประมาทนี้จะนำพาประเทศสู่ภาวะล้มละลายทางการคลัง
เนื่องด้วยเศรษฐกิจที่หดตัว ซ้ำด้วยการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ยืดเยื้อ ย่อมกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และการจัดเก็บภาษีในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพลาดเป้าสูง ดังนั้นหากตั้งงบประมาณไว้ที่ 3.3 ล้านล้านบาท โดยที่ยังมีความสุ่มเสี่ยงต่อการจัดเก็บภาษี รัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องกู้เงินอย่างแน่นอน โดยเงินก้อนนี้ยังมีเงินกู้อีก 6 แสนล้านกว่าบาท ซึ่งถูกเอาไปใช้จ่ายในหลายรายการที่ไม่จำเป็น และไม่มีประโยชน์ อาทิ งบลงทุนกระทรวงกลาโหม งบเยียวยาโควิด-19 ที่ซ้ำซ้อน
น.ส.จิราพร เสนอให้มีการตั้งวงเงินงบประมาณให้ไม่เกิน 3.2 ล้านล้านบาท เท่ากับงบประมาณปี 63 โดยระบุว่า ทุก 1 แสนล้านบาทที่ตัดออกจากวงเงินงบประมาณ จะช่วยลดความเสี่ยงที่ประเทศจะเข้าภาวะล้มละลายทางการคลัง
น.ส.จิราพร กล่าวว่า ตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์พัฒนาอุตสาหกรรมหลังโควิด 3 ด้าน ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมอาหารปลอดภัย 2.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการเชิงคุณภาพ 3.อุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข แต่รัฐบาลไม่ได้มีการจัดงบประมาณเพื่อ 3 ยุทธศาสตร์นี้อย่างชัดเจน เสนอให้จัดงบเหล่านี้พุ่งตรงไปที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม มิเช่นนั้นคำว่า ปัญหาโควิดคือวาระแห่งชาติ ที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยได้กล่าวไว้ก็เป็นได้แค่วาทกรรมหนึ่ง
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ด้านที่กล่าวไปจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากรัฐบาลไม่ทำ 4 อย่าง คือ
1. ปฏิรูประบบราชการเพื่อให้ประเทศมีระบบราชการที่เล็ก คล่องตัว รองรับยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ด้าน
2. กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มในการบริหารงบประมาณอย่างอิสระ
3. ปฏิรูประบบการศึกษาขนานใหญ่ เพื่อสร้างคุณภาพของทุนมนุษย์ รองรับวิกฤติโควิด-19 และอนาคตของประเทศ
4. แก้รัฐธรรมนูญ รื้อโครงสร้างใหญ่ทางการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของภายในและภายนอกประเทศ
“ถ้าไม่รื้องบนี้ ทำใหม่ทั้งหมด ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2564 ฉบับนี้จะเป็นเสมือนระเบิดเวลา ที่จะพาประเทศไทยเดินทางเข้าสู่ภาวะล้มละลายทางการคลังได้”
TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง