กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาทันทีเมื่อสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยไม่เก็บดอกเบี้ย และไม่คิดเบี้ยปรับ ไม่มีผู้ค้ำประกัน และให้มีผลย้อนหลังด้วย เรื่องนี้ทำให้หลายคนแสดงความเป็นห่วง เนื่องจากมติดังกล่าวอาจทำให้กองทุนขาดรายได้หมุนเวียน จนในที่สุดไม่มีเงินพอสำหรับนักเรียนนักศึกษาผู้กู้รายใหม่

ล่าสุดนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวว่า หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ตามที่สภาฯ เห็นชอบ คณะกรรมการกองทุนจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อสถานะกองทุนและการบริหารจัดการเรื่องการปล่อยกู้ให้กับนักเรียนในระยะต่อไป
ผู้จัดการกองทุน กยศ. กล่าวว่า ในแต่ละปีกองทุนจะมีสภาพคล่องจากที่ได้รับจากการชำระหนี้เงินกู้ประมาณ 40,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ประมาณ 6,000 ล้านบาท เมื่อไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รายรับส่วนนี้ก็จะหายไป ซึ่งกองทุนก็หวังว่าเมื่อมีการยกเว้นดอกเบี้ยและเบี้ยปรับจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ของเด็กมีมากขึ้น เพื่อช่วยในเรื่องของสภาพคล่องของกองทุนได้
“ขั้นตอนหลังจากนี้ กยศ.ต้องชี้แจงต่อวุฒิสภาในประเด็นสำคัญว่าทำไม กยศ.ถึงต้องมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมถึงข้อเท็จจริงของผลกระทบต่างๆ ซึ่งตามกระบวนการกฎหมาย ใช้เวลาพิจารณา 1 เดือน เพราะเป็นกฎหมายด้านการเงิน หากผ่านวุฒิสภาเห็นชอบ ก็รอกระบวนการออกกฎหมายบังคับใช้ ซึ่งจะมีเวลาอีกระยะหนึ่ง แต่หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบจะต้องมีการตีกลับกฎหมายไปตั้งกรรมาธิการร่วมสองสภาเพื่อแก้ไขร่างกฎหมายนี้อีกครั้ง” นายชัยณรงค์ กล่าวว่า
ตั้งแต่ปี 2538 กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาใช้เงินงบประมาณ สำหรับให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 3,000 ล้านบาทเป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคตที่ดำเนินการมาแล้วกว่า 20 ปี
• ผู้กู้เงิน 6.28 ล้านคน คิดเป็นเงิน 690,000 ล้านบาท
• ปิดบัญชีการชำระหนี้ 1.66 ล้านคน คิดเป็นเงิน 129,183 ล้านบาท
• อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.5 ล้านคน คิดเป็นเงิน 452,677ล้านบาท
• กำลังศึกษาอยู่ 0.98 ล้านคน คิดเป็นเงิน 114,398 ล้านบาท
• ผิดนัดชำระหนี้กว่า 2.5 ล้านคน คิดเป็นเงินต้นกว่า 90,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมา กยศ.บริหารเงินกองทุนโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน กองทุนฯ ใช้วงเงินเดิมที่รัฐบาลให้ และเงินจากที่เยาวชนรุ่นก่อนเรียนจบแล้ว ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยมาหมุนเวียนปล่อยกู้รุ่นต่อไป ถ้าชำระล่าช้าก็เสียเบี้ยปรับ ทำให้มีเงินหมุนตลอดเวลา
ในแต่ละปีกองทุนจะมีสภาพคล่องที่ได้รับจากการชำระหนี้เงินกู้ ประมาณ 40,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับประมาณ 6,000 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุน ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รายรับส่วนนี้ก็จะหายไป
ปัจจุบัน กยศ.ได้ออกมาตรการลดดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 เท่านั้น ส่วนเบี้ยปรับจากร้อยละ 7.5 ลดเหลือเพียงร้อยละ 0.5
สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ ลดเงินต้นให้อีกร้อยละ 5 ในปีการศึกษา 2565 นี้ กยศ.ได้เตรียมเงินให้กู้ยืมจำนวน 38,000 ล้านบาท รองรับนักเรียน นักศึกษา จำนวนกว่า 600,000 ราย ให้กู้ยืมได้แบบไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน










