
ขอบคุณภาพ ช่อง 7HD
วันที่ 5 ก.พ. ศาลรัฐธรรมนูญออกจดหมายข่าว ความคืบหน้ากรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 วรรคหนึ่ง ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พศ. 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. เวลา 13.30 น.

ขอบคุณภาพ ช่อง7HD
คดีนี้มีที่มาจากการเปิดเผยว่า ส.ส.ในฝ่ายรัฐบาลมีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันในระหว่างการลงมติ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ในวาระที่ 2 และ 3 จนทำให้เกิดคำถามว่า จะทำให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเสียไปทั้งฉบับ ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ หรือจะเสียไปเฉพาะมาตรา หรือเป็นความผิดเฉพาะบุคคลไม่กระทบต่อเสียงส่วนใหญ่ที่ลงมติเห็นชอบ

Workpoint News ประเมินแนวทางคำวินิจฉัย จากความเห็นของผู้เกี่ยวข้องและนักวิชาการ ได้ดังนี้

นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร เพื่อไทย ถูกถอดถอนและยังมีคดีความจากการเสียบบัตรแทน
1.การเสียบบัตรแทนกันผิด และทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ เสียไปทั้งฉบับ
เทียบเคียงกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การที่นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่ถูกข้อกล่าวหากดบัตรลงคะแนนแทน ส.ส.คนอื่น 4-5 คน ระหว่างการลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. (10 และ 11 ก.ย. 2556) และ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (20 ก.ย.2556)
.
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดี ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ ตอนหนึ่งระบุว่า “เมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลให้ร่างพระราชบัญญัติฯ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”
.
กรณีนี้มีทั้งการตีความว่าเสียบบัตรแทนกันไม่กี่ใบ เมื่อทำให้กฎหมายมีตำหนิก็ต้องเสียไปทั้งฉบับ แต่อีกฝ่ายแย้งว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ร่างกฎหมายตกไปเป็นเพราะเนื้อหาของตัวร่างกฎหมายด้วยไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการเสียบบัตรเท่านั้น

2. ผิด – แต่เสียไปเฉพาะมาตราที่เสียบบัตรแทนกัน
แนวทางนี้เห็นว่า เมื่อมีหลักฐานว่ามีการเสียบบัตรแทนกันในช่วงมาตราใด ก็ไม่ควรไปมีผลกระทบต่อมาตราอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น กรณี นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ที่พบว่าไม่อยู่ในห้องประชุมตั้งแต่การลงมติ มาตรา 39 วาระที่ 2 (จาก 55 มาตรา) และการลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 หากพิจารณาว่าผิดก็อาจเป็นโมฆะเฉพาะมาตราเหล่านี้ และให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกลับมาซ่อมส่วนนี้ใหม่

3. .ผิด – หักเฉพาะคะแนนที่มีปัญหาออก ไม่กระทบเสียงส่วนใหญ่
นายไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ ไปยกเอาคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 8 /2551 วันที่ 8 ก.ค.2551 มาเทียบเคียง โดยในครั้งนั้นศาลฯ วินิจฉัยให้ ร่าง พ.ร.บ.สํานักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตกไปเพราะสมาชิก สนช.ที่เข้าประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งนายไพบูลย์ ตีความเทียบว่า เมื่อร่างกฎหมายเสียไปเพราะสมาชิกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แต่กรณี ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 เสียงข้างมากให้ความเห็นชอบ กรณีปัญหามีเพียง 2-3 เสียง ไม่เกี่ยวกับเรื่องไม่ครบองค์ประชุมและไม่เกี่ยวกับเรื่องไม่ได้มติเสียงข้างมาก การลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจึงตราขึ้นอย่างถูกต้องแล้ว

4.ผิด – แต่ยึดเกณฑ์ รธน. ม.143 พิจารณาไม่ทันให้ถือว่าเห็นชอบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ชี้ว่า การที่กฎหมายจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมี 2 อย่างคือ 1.เนื้อหา กับ 2.กระบวนการ กรณีนี้เป็นเรื่องกระบวนการ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ปี 56 และ 57 (กรณีนายนริศร ตามข้อ 1.) ข้อเท็จจริงตอนนั้นเป็นอย่างหนึ่ง อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกับตอนนี้
.
และกฎหมายงบประมาณแปลกกว่ากฎหมายอื่น เพราะมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 143 ที่บอกว่าถ้าหากว่าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาไม่เสร็จ ภายใน 105 ให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ วุฒิสภาต้องพิจารณาภายใน 20 วัน ถ้าพ้นกำหนดเวลาให้ถือว่าเห็นชอบ
.
ดังนั้น ในความหมายของนายวิษณุ แม้จะเกิดปัญหาการลงมติ แต่อาจมีช่องที่จะตีความว่ากฎหมายพิจารณาไม่ทันตามกำหนดเวลาให้ถือว่าสภาให้ความเห็นชอบแล้วแทน ส่วนที่ผิดเพราะเสียบบัตรแทนก็จะไม่ส่งผลต่อตัวกฎหมาย
.
ทั้งนี้ต้องติดตาม การลงมติของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. ว่าจะออกมาตาม 4 แนวทางนี้ หรือมีแนวทางอื่นอีกหรือไม่
.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไพบูลย์ พลิกมุมคำวินิจฉัย ศาล รธน.51 ตีความเสียบบัตรแทน 2-3 คนไม่เป็นไร
- วิษณุ ยันไม่เคยบอกเสียบบัตรแทนไม่ผิด แต่ชี้ยังมีช่อง พ.ร.บ.งบประมาณไม่โมฆะ









