สำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) เมียนมาวอนทางการไทย จับนักข่าวที่หลบออกไปได้อย่าจับส่งกลับ
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 นักข่าวอาวุโส 3 คนของสำนักข่าว DVB พร้อมด้วยพลเมืองเมียนมาจำนวน 2 คนถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอ.สันทราย ที่เข้าตรวจค้นบ้านพักที่พวกเขาหลบภัยอยู่หลังได้รับแจ้งเหตุจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
สำนักข่าว DVB ของเมียนมาออกแถลงการณ์ ระบุว่า ผู้สื่อข่าวทั้ง 3 ของเขาเพียงแต่หลบหนีออกจากชายแดนเมียนมาเข้ายังประเทศไทยด้วยเหตุการณ์ปราบปรามผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ทีผ่านมาในเชียงใหม่และถูกตั้งข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย
“DVB ขอเรียกร้องอย่างสุดซึ้งขออย่าให้เจ้าหน้าไทยส่งพวกเขากลับไปยังเมียนมาเพราะจะทำให้ชีวิตของคนเหล่านี้ตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง นักข่าวเหล่านี้ทำข่าวการชุมนุมในเมียนมามาจนกระทั่งวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมารัฐบาลทหารจึงได้ถอนใบอนุญาติออกอากาศของสำนักข่าว DVB และแบนไม่ให้สำนักข่าว DVB ทำข่าวอีกต่อไป”
สำนักข่าว DVB ยังระบุว่าได้ขออุทธรณ์ไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยให้เข้ารักษาความปลอดภัยของนักข่าวของเราและขอให้ประชาคมโลกช่วยกันเรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่ส่งตัวพวกเขากลับมา
สำนักข่าวท้องถิ่นของเชียงใหม่ระบุว่าระหว่างจับกุมพบอุปกรณ์การรายงานข่าว คาดเตรียมรายงานข่าวเรื่องเมียนมาจากไทย
หลังการรัฐประหารในเมียนมาผู้สื่อข่าวกลายเป็นหนึ่งอาชีพที่ได้รับการคุกคามจากรัฐบาลทหารมากที่สุด มีผู้สื่อข่าวถูกคุมตัวอย่างน้อย 73 ราย ถูกดำเนินคดีแล้ว 42 ราย ถูกหมายจับแและอยู่ระหว่างหลบหนีอย่างน้อย 22 ราย และมีสถานีโทรทัศน์ถูกถอนใบอนุญาต 6 แห่ง
องค์กรสื่อ-สิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์
วันเดียวกันองค์กรสื่อมวลชนและองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการไทยไม่ส่งตัวนักข่าวและผู้ติดตามรวม 5 คนกลับประเทศ
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยออก
แถลงการณ์ เรียกร้องให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 ราย ได้รับการปล่อยตัว และได้รับสิทธิ์ในการพักพิงชั่วคราวในประเทศไทยโดยปลอดภัย ทางการไทยต้องไม่ผลักดันผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รายกลับประเทศเมียนมาโดยเด็ดขาด “เพราะบุคคลทั้ง 5 จะถูกทางการเมียนมาจับกุมตัวและดำเนินคดีอย่างแน่นอน “
“ขณะนี้ ประชาคมโลกกำลังจับตาดูว่าทางการไทยจะมีท่าทีอย่างไรต่อประเด็นเสรีภาพสื่อมวลชนในเมียนมาและการปกป้องบุคคลที่ลี้ภัยจากการปราบปรามอันโหดร้ายของรัฐบาลทหารเมียนมา”
ขณะที่ สมาพันธ์สื่อไทยเพื่อประชาธิปไตย ออก
แถลงการณ์ ระบุ “ขอเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลไทยส่งตัวผู้สื่อข่าวทั้ง 3 คนกลับเมียนมา เนื่องจากจะทำให้คนเหล่านี้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงทั้งต่อสวัสดิภาพของตัวเองและต่อสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่สื่อมวลชนซึ่งควรให้ความเคารพและสนับสนุนอย่างเคร่งครัด”
ส่วน มิงยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า ทางการไทยจะต้องไม่บังคับส่งกลับบุคคลเหล่านี้ไปเมียนมา การกระทำเช่นนั้นย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อพวกเขา ทั้งการถูกจับกุมและการควบคุมตัวโดยพลการ การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต
“การกระทำเช่นนั้นย่อมทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ละเมิดพันธกรณีตามหลักการไม่ส่งกลับภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
“ที่ผ่านมามีรายงานที่น่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องถึงการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ ระหว่างการควบคุมตัวในเมียนมา ซึ่งมีสภาพรุนแรงขึ้นภายหลังการทำรัฐประหาร โดยมีบุคคลจำนวนมากถูกควบคุมตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและต้องเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน
“หลายปีที่ผ่านมา ดีวีบีเป็นสำนักข่าวชั้นนำที่กล้าแสดงความเห็นเพื่อตรวจสอบทางการ หากถูกส่งตัวกลับไปเมียนมา นักข่าวทั้งสามคนย่อมจะต้องประสบกับความเสี่ยงที่ร้ายแรงอย่างมาก
“ประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่รองรับชุมชนผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยจากเมียนมามาเป็นเวลานาน รวมทั้งผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายจากการทำงานสื่อมวลชนอย่างกล้าหาญ ผู้ที่หลบหนีจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพเมียนมา และประชาชนชาวเมียนมาที่ต้องหลบหนีอีกครั้งในวันนี้ เราหวังว่าทางการไทยจะให้ที่พักพิงแก่ผู้แสวงหาความปลอดภัยอย่างสอดคล้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ”