‘ชูวิทย์ แฉเพื่อชาติ EP.2’ เปิดกระบวนการซ่อนเร้น ปูดใช้นอมินี ‘แม่บ้าน-รปภ.’ กู้เงินพันล้าน

ภาพ เจมส์ วิลสัน/Thai News Pix
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 66 แฉเพื่อชาติ หัวข้อ “ปั่น บวม ตัดตอน” เบื้องหลังการซื้อขายที่ดินแห่งหนึ่ง ในย่านทองหล่อ มูลค่ากว่า 565 ล้านบาท
โดยสรุป นายชูวิทย์ ได้นำข้อมูลที่อ้างว่า เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินย่านทองหล่อ เพื่อนำไปสร้างเป็นคอนโดหรูที่สุดในประเทศไทย โดยใช้กระบวนการปั่น (ที่ดิน) บวม (เงิน) และตัดตอน
โดยมีการตั้งบริษัทนอมินี มีหญิง ชื่อย่อ พ. อาชีพ แม่บ้าน ไม่มีประวัติการจ่ายภาษี และ ชาย ชื่อย่อ ส. อาชีพ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เป็นผู้ถือหุ้น
ได้ยื่นขอกู้เงินกับบริษัทลูก ของ บมจ.แสนสิริ (SIRI) 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท (ในขณะนั้น) เพื่อนำมาจ่ายให้กับเจ้าของเดิม จำนวน 465 ล้านบาท รวมทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท
จากนั้น บมจ.แสนสิริ ก็ได้ซื้อที่ดินย่านทองหล่อ ต่อจากบริษัท ที่นายชูวิทย์ ระบุว่า มีนอมินีแม่บ้าน-รปภ. ถือหุ้นอยู่ จำนวน 1,000 ล้านบาท
ซึ่ง นายชูวิทย์ ตั้งคำถามแล้วเงินที่เหลือ 435 ล้านบาท หายไปไหน การทำเช่นนี้ คือการให้บริษัทลูกโกงผู้ถือหุ้น หรือไม่
นายชูวิทย์ ยังระบุว่า กรณีที่นายเศรษฐา จะถูกโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ต้องรอดู และหากนายเศรษฐา ไม่ถอยหรือถอนตัว ตนก็จะแฉต่อ เตรียมหลักฐานไว้แล้ว คาดจะแถลงข่าวอีกครั้ง วันที่ 18 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่า จะเป็นวันโหวตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา โดยจะตั้งหัวข้อว่า “นายกดิจิตอล”
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากนี้จะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมภิบาลของบริษัทแสนสิริ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยตรวจสอบคุณสมบัติ นายเศรษฐา โดยจะเดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานรัฐสภา เชื่อข้อมูลชุดนี้จะถูกขยายผลแน่นอน
[‘เศรษฐา’ โต้ ‘ชูวิทย์’ ปมที่ดินทองหล่อ สั่งฝ่ายกฎหมายเอาเรื่อง]

ภาพจาก พรรคเพื่อไทย
เช้าวันนี้ นายเศรษฐา ได้ทวีตข้อความ ผ่าน @Thavisin ระบุว่า ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลง สุขุมวิท 55 ที่ปัจจุบันคือโครงการ คุณ บาย ยู และทางบริษัทแสนสิริได้ออกแถลงการณ์ข้อเท็จจริงแล้วนั้น
ผม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเคยบริหารแสนสิริมากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับ เชื่อถือ จากทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคมทั่วไป น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าบริษัทแสนสิริได้ถูกบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล
การตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น
การกระทำใดๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ขณะที่ เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 66) บริษัท แสนสิริ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงความถูกต้องการซื้อที่ดินทองหล่อ โดยสรุป 3 ประเด็น ดังนี้
– แสนสิริ และบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายและเจ้าของที่ดินตามโฉนด ตั้งแต่ปี 2551
– แสนสิริซื้อที่ดินในราคาที่เหมาะสมเทียบเคียงกับราคาตลาด โดยระบุถึงทำเล ทองหล่อ 12 ราคาขาย 1,100,000 ตารางวา ในปี 2559
– บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่เคยให้กู้ยืมเงิน แก่ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด “กู้ยืมเงิน ไม่เท่ากับ จำนองโฉนดที่ดินโดยมีหลักประกัน”

แถลงการณ์ แสนสิริยืนยันการซื้อที่ดินทองหล่อถูกต้อง pic.twitter.com/4HPSOEst7R
— Sansiri (@SansiriPLC) August 15, 2023










