‘ณัฐวุฒิ’ พ้นโทษถอดกำไลอีเอ็ม

‘ณัฐวุฒิ’ พ้นโทษถอดกำไลอีเอ็ม

‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศอิสรภาพหลังปลดกำไลอีเอ็ม เผยยังมีอีกหลายคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ย้ำจุดยืนทางการเมืองถ้าเรื่องราวยังยุ่งเหยิง ยังหาข้อยุติไม่ได้ อีก 10 ปี คนที่จะต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดศาลเพื่อให้ลูกได้รับอิสรภาพอาจจะเป็นพ่อของ ด.ช.นปก ใสยเกื้อ ก็ได้

วันนี้ 30 มี.ค.64 เวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ (นปช.) เปิดเผยภายหลัง ได้รับอิสรภาพในคดีชุมนุมก่อความไม่สงบปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน ซึ่งนายณัฐวุฒิ ได้ลดโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2563 ที่ผ่านมา จนกระทั่งเข้าสู่หลักเกณฑ์การพักโทษ จากนั้นออกมาติดกำไลอีเอ็มอยู่ในความควบคุมของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่ 18 ธ.ค. 63 จนถึง 29 มี.ค.64 ที่เป็นวันสุดท้าย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตลอดเวลา 3 เดือนเศษของการพักโทษ ตนปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมคุมประพฤติอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอนพิจารณา เป็นไปตามกระบวนการที่ผู้ต้องขังทุกคนที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับ ไม่ได้มีข้อยกเว้น อภิสิทธิ์อื่นใด ในการต่อสู้ทางคดีของตนยังมีอีกหลายคดี ทั้งคดีการชุมนุมปี 52-53 รวมถึงคดีอื่นๆ สถานะของตนเวลานี้เหมือนเป็นผู้ถูกจำคุกจากคำพิพากษาของศาลฎีกา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ในฐานะ ประชาชนที่ยืนอยู่บนเส้นทางต่อสู้ประชาธิปไตย ถึงแม้จะมีคดีความมากมาย ขอยืนยันจุดยืนเดิมในการต่อสู้ทางการเมืองที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า การให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ภายใต้หลักการว่าคนเราเท่าเทียมกัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล วันที่ 4 เม.ย.นี้ ยังไม่ได้หารือเรื่องแนวทางการเมืองกับนายจตุพร ส่วนตัวได้ทราบจากทางสื่อ แต่เห็นว่าการเคลื่อนไหวจากนายจตุพร และคณะหลายท่านในเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มี ประสบการณ์ มีศักยภาพซึ่งจะกำหนดแนวทางอย่างไร ขอให้ติดตามจากผู้เกี่ยวข้อง

ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวของนักศึกษา และประชาชน นายณัฐวุฒิไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาประเมินว่าความเคลื่อนไหวของนักศึกษาประชาชนในขณะนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะเมื่อพวกเค้าออกมาต่อสู้ วางชีวิตเป็นเดิมพัน พวกเค้าก็เท่ากันกับตน ที่มีเกียรติยศศักดิ์ศรีการต่อสู้เท่าเทียมกัน ตนเคารพในความเคลื่อนไหว ในความคิดเห็นของพวกเขา ที่พูดได้คือภายใต้จุดยืนทางการเมืองที่ไม่เปลี่ยนแปลงของตนและพี่น้องที่ร่วมต่อสู้มาจนวันนี้ ตนขอแสดงตัวเคียงข้าง นิสิต นศ. และปชช. ที่กำลังต่อสู้ในปัจจุบันและขอปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าการแสดงท่าทีเช่นนี้หมายถึงการโค่นล้มสถาบัน ส่วนตัวมีโอกาสได้พบกับน้องๆหลายคนในเรือนจำ แต่ ในช่วงเวลาที่ เจ้าหน้าที่เบิกตัวออกมา ได้พูดคุยกันสั้นๆ ส่วนตัวตนมีความห่วงใย

นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่าได้ถามเพนกวินในเรือนจำ เพนกวินบอกว่าเขารู้จักผมตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ตั้งแต่ปี 2553 คำตอบของเขาสั้นๆ แต่ทำให้ผมคิดยาว เพราะปี 2553 ผมได้ร่วมต่อสู้ครั้งใหญ่ เพนกวินอายุ 11 ขวบ เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านมา 10 ปี ถึงปี 2563 เพนกวินเป็นแกนนำต่อสู้ มีคดีความติดคุกอยู่เวลานี้ ถ้าเรื่องราวยังยุ่งเหยิง ยังหาข้อยุติไม่ได้อีก 10 ปี ลูกชายผมจะอายุเท่าเพนกวินวันนี้ แล้วก็ไม่แน่ว่าอีก 10 ปีข้างหน้าลูกชายผมต้องมาเจอสภาพแบบนี้ คนที่จะต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดศาล พยายามให้ลูกต้องได้รับอิสรภาพอาจจะเป็นผม พ่อของ ด.ช.นปก ใสยเกื้อ วันนี้ก็ได้

ทั้งนี้ ในการประกาศเคียงข้าง นักศึกษาและประชาชน ตนอาวุโสกว่าพอสมควร ทำให้ต้องตระหนักว่าเราต้องรอบคอบ รัดกุม ให้เกียรติพวกเค้า ดังนั้นจึงยังไม่ใช่วาระที่ตนจะออกมาประกาศจะไปขึ้นเวทีวันนี้ แต่อนาคตหากสถานการณ์ มีความจำเป็น ก็ขอให้เป็นเรื่องอนาคต

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง