รัฐบาล ขยายเพดานหนี้ ม.28 จาก 30 % เป็น 35 % เป็นเวลา 1 ปี รองรับจ่ายเงินประกันรายได้ช่วยชาวนา 1.5 แสนล้านบาท
วันที่ 24 พ.ย. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุว่า
พี่น้องประชาชนที่รักครับ ผมมีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรทุกคน ที่ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพ รวมทั้งการแพร่ระบาดโควิดและน้ำท่วม-น้ำแล้ง จึงได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหางบประมาณมาให้พี่น้องเกษตรกร ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการประกันรายได้ข้าว โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการข้าวเพื่อช่วยเหลือเรื่องต้นทุนการผลิตข้าว โครงการประกันรายได้ยางพารา โครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ
“ซึ่งวันนี้ผมขอแจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลสามารถจัดสรรเงินให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้เพิ่มเติมอีก 155,000 ล้านบาทโดยจะเสนอให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติในวันอังคารหน้า (30 พ.ย.64)”
จากนั้นก็จะมีการเบิกจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ถึงบัญชีพี่น้องเกษตรกรโดยตรง สำหรับรายละเอียดขอให้ติดตามข่าวสารจากทางภาครัฐอีกครั้งครับ
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ครม. ได้อนุมัติเรื่องประกันรายได้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ยอดวงเงิน 18,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจากข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ และวงเงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. 2561 นายกรัฐมนตรี จึงได้ของให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงพาณิชย์ หารือกันแก้ปัญหาวงเงินค้างจ่าย
ผลการประชุมของคณะทำงาน ในการจัดวงเงินเพื่อสนับสนุนโครงการประกันรายได้ ได้ข้อสรุปว่า มีความจำเป็นที่ต้องขยายกรอบอัตรายอดคงค้างของภาระที่รัฐต้องชดเชย ตามมาตรา 28 และอีกส่วนจะต้องขอการสนับสนุนจากงบกลาง ซึ่งโดยปกติการชดเชยล่วงหน้าจะไปตั้งงบประมาณคืนให้ในปีงบประมาณถัดไป ซึ่งปี 2565 ได้ตั้งงบประมาณคือให้ 76,000 ล้านบาท แต่วงเงินใน มาตรา 28 ยังไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามในข้อสรุปได้มีมติว่า ในกรอบวงเงิน 30 เปอร์เซ็นต์ ของกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องขยับอัตราตรงนี้เป็น 35 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเปิดวงเงิน ให้สำหรับ โครงการที่รออนุมัติ รองรับประกันรายได้ข้าวและยาง ทั้งนี้ การกำหนดอัตราจาก 30 เป็น 35 กำหนดเป็นเวลา 1 ปี สำหรับปีงบประมาณ 2565 จากนั้นกลับไปอัตราเดิมร้อยละ 30 เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล เมื่อครบ 1 ปี คณะทำงานต้องเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาในอัตรา 30 เปอร์เซ็นต์อีกครั้ง
