สมคิด ยันรู้เรื่องความเหลื่อมล้ำ แต่การเปลี่ยนประเทศไม่ง่ายต้องร่วมมือกัน

สมคิด ยันรู้เรื่องความเหลื่อมล้ำ แต่การเปลี่ยนประเทศไม่ง่ายต้องร่วมมือกัน

วันที่ 24 ก.พ. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงต่อการอภิปรายของฝ่ายค้านในประเด็นเศรษฐกิจว่า การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุผลที่เกิดความเหลื่อมล้ำมากเพราะผลผลิตและบริการของเรามูลค่าต่ำ เกษตรกรได้รายได้ต่ำ แรงงานไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้เพราะเอกชนไม่กล้าลงทุน
.
เราเน้นเรื่องการส่งออกนำเพราะการทำเศรษฐกิจให้แข็งแรงต้องใช้พลังมหาศาลก็ต้องใช้ทางลัดคือคือส่งออกแทนโดยใช้บีโอไอจูงใจ ทำให้ภาพภายในเหมือนคนเป็นโปลิโอ โดยบริษัทใหญ่ได้ประโยชน์แต่รากหญ้าไปไม่ถึง
.
ความล้มเหลวของเราคือเมื่อมีความเติบโตทางเศรษฐกิจแล้วเราไม่สามารถทอนความมั่งคั่งไปสู่รากหญ้าได้เร็วพอ ทำให้เกิดช่วงห่างมหาศาล นายกรัฐมนตรีจึงสั่งให้เริ่มทำคือทำอย่างไรให้มีมูลค่าผลผลิตและบริการสูงขึ้น จึงเกิดโครงการ EEC ไม่เฉพาะไฮเทคอย่างเดียวแต่เน้นการเกษตร เรื่องไบโอเทคโนโลยี การท่องเที่ยว โดยโครงการนี้จะเป็นเบ้าหลอมสร้างอุตสาหกรรมเหล่านี้ในอนาคตข้างหน้า

แต่เราไม่มีปัญญาเพราะขาดบุคคลากร ความสามารถ จึงต้องเอานักลงทุนจากต่างประเทศที่เก่งแต่ละด้านมาร่วมกับเรา โดยต้องมีจุดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เรื่องดิจิทัลต่างๆ เพื่อรองรับให้เขามีความสนใจมาลงทุน รวมถึงบีโอไอออกมาตรการเพื่อจูงใจด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าการลงทุนขนาดใหญ่จึงเป็นสิ่งจำเป็น
.
ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยที่ต้องการจะลงทุนขนาดใหญ่ มีการเรียกประชุมทูตทั่วโลกว่าจะมีการลงทุน ประมาณ 1-2 ล้านล้านบาท โดยมีความคิดอย่างเดียวคือจะใช้เงินกู้ แต่ลองนึกดูว่าหากกู้ขนาดนั้นหนี้สาธารณะจะเป็นเท่าไหร่ แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมา10 กว่าปี ทำให้เห็นประสบการณ์มากขึ้นและรู้ว่าไม่จำเป็นต้องกู้เลย โดยสามารถดึงเอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เปิดโอกาสเอกชนที่มีพลังทำโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟ สนามบิน ดิจิทัลปาร์ค โดยการรวมกลุ่มกับต่างประเทศเอาผู้เชี่ยวชาญมาลงทุนแข่งขันกัน ไม่ใช่ผูกขาด จากนั้นเราได้มีการโรดโชว์


“มันไม่ใช่ของง่ายที่จู่ๆโครงการที่ไม่มีเลยจากศูนย์ แล้วภายใน 4-5 ปีกลายเป็นจีน ญี่ปุ่น และเวทีระดับโลกมีการพูดถึง EEC ทั้งนั้น โดยมีการยกไทยให้เป็นการลงทุนระดับแรก แต่ยอมรับว่าเมื่อเป็นโครงการขนาดใหญ่ก็ต้องมีจุดอ่อนบ้าง แต่ก็มีการเร่งแก้ไขโดยลำดับ โดยเลขาธิการEEC และคณะผู้บริหารทำงานอย่างหนัก เราสร้างจากศูนย์จนทำให้สิงค์โปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สั่นคลอนได้ หากคิดว่าทุกอย่างไม่ดีมีผลเสีย ลองคิดมุมกลับดูว่าถ้าไม่มี EEC วันนี้เราจะเป็นอย่างไร สู้เวียดนามได้หรือไม่ เราจึงจำเป็นต้องสร้างสตอรี่โดยกระทรวงต่างเทศ ไปใส่ในหัวผู้นำเหล่านี้ให้เห็นว่าไทยเป็นศูนย์กลางโดยมี EEC ที่จะเป็นเบ้าหลอมการผลิต โครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือน้ำลึก และยังเป็นใจกลางของประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) สามารถกระจายการลงทันไปหลายประเทศได้ เราขายไอเดียจนจีนให้ฮ่องกง กวางตุ้ง มาเก๊า ซึ่งเป็นหัวหอกของลงมาลงทุนได้ สามารถเกี่ยวกับ GBA (โครงการอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า) ได้ ภายในเวลา3-4 ปี”
.
นายสมคิดกล่าวว่ามีการโจมตี กล่าวหาว่าบุกรุกที่ทำกิน ใช้พื้นที่เอื้อประโยชน์ ซึ่งครม.ทำด้วยความอดทนและเริ่มไปด้วยดี มีการลงทุนเข้ามา แต่จู่ๆ จะให้ระดับใหญ่ๆ เข้ามาทันทีคงไม่ได้เพราะเขายังไม่มั่นใจ จะต้องมีการทำทีละขั้นตอน สามารถดูตัวเลขของบีโอไอได้
.
นายสมคิดยังกล่าวว่า รัฐบาลนี้เป็นคนกระตุ้นเรื่องดิจิทัล โดยการลงทุนอินเตอร์เน็ต 7 หมื่นหมู่บ้าน และจะมี 5G ภายในปีนี้ ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะหากเวียดนามมี 5G แล้วเราไม่มีอีกหน่อยผลิตภาพการผลิตสู้เขาไม่ได้ ไม่มีใครอยู่ด้วย แต่ที่สำคัญสุดผลงานชิ้นใหญ่ของรัฐบาลคือ National E-payment E- Groverment โดยขณะนี้กรมบัญชีกลางสามารถส่งเงินโดยตรงระหว่างรัฐต่อรัฐ และประชาชนได้ ลดต้นทุนเป็นหมื่นล้านต่อปี แต่ที่สำคัญพร้อมเพย์สามารถทำให้สวัสดิการประชาชนเกิดขึ้นครั้งแรกได้อย่างจริงจัง สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายและยิงเงินได้โดยตรงไม่มีคอรัปชั่นได้เลยอยู่ที่ว่ามีฐานข้อมูลขนาดไหน หากเอาไปผนวกกับการลงทุนของเอกชนจะสามารถสร้างBig Data ที่มีประสิทธิภาพสูงในการบริหารประเทศในวันข้างหน้า
.
“สวัสดิการประชารัฐไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะเราสัญญาว่าคนแก่คนจนต้องได้ ที่สำคัญคนที่ทำมาหากินมีครอบครัวต้องมีอะไรบางอย่างให้เขา จึงเป็นโครงการที่สำคัญมากสำหรับประเทศไทย”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

นายสมคิดกล่าวว่าตนดีใจที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ พูดถึงเรื่องเกษตรกรเพราะรากเหง้าอย่างหนึ่งของความเหลื่อมล้ำคือเราไม่เอาจริงจังกับการปฏิรูปภาคเกษตรเท่าที่ควร เราจำนำ ประกันราคาซึ่งเป็นความจำเป็นที่ต้องช่วย แต่ถ้าตราบใดที่เร่งเรื่องการผลิตไม่มองที่ชุมชนจะไม่สามารถขจัดความยากจนได้เลย
.
ถ้าจะให้เกษตรกรแปรรูปผลผลิตได้ต้องมุ่งไปที่วิสาหกิจชุมชน ต้องหาเครื่องจักรให้ชุมชน ต่อการท่องเที่ยวให้เข้าชุมชน ชิมช้อปใช้ ไม่ได้ตั้งให้สนุก แต่เป็นการดึงคนกรุงที่มีอำนาจซื้อเข้าไปจับจ่ายในชนบท ตอนนี้ไม่ได้เอื้อแค่ร้านสะดวกซื้อแต่เอื้อทุกอย่างในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ตนเรียกว่า ‘ประชารัฐสร้างไทย’ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค เพราะตนคิดเรื่องนี้มาก่อน และการทำงานต้องมี ประชาชน เอกชน และรัฐ รวมกันเป็นที่มาของชื่อนี้ สิ่งเหล่านี้ที่กำลังทำทำให้ดัชนีต่างๆ ดีขึ้นทุกตัว จนธนาคารโลกยังชมว่าไทยเป็นตัวอย่างของการพัฒนาประเทศ จีดีพีของประเทศโตขึ้น 3 ล้านล้านจากปี 2558 นี่หรือรัฐบาลไม่มีผลงาน เจ้าสัวไม่ต้องเอื้อเขา แค่หุ้นขึ้นเขาก็สบายแล้ว จะไปเอื้อเขาทำไม
.
“อีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เอ่ยไม่ได้ คือ เราสามารถสร้างมิตรประเทศได้มหาศาล แม้ช่วงแรกที่รัฐประหารจะไม่ได้รับการยอมรับ แต่ปัจจุบันเราทำการประชุมอาเซียนได้อย่างสง่าผ่าเผย แต่ตอนนี้มรสุมหลายลูกเข้ามาที่ประเทศไทย พอจีนทรุดในสงครามการค้า ทุกประเทศก็ทรุดหมด แม้เวียดนามจะยังโตได้ แต่เขาอยู่คนละขั้นกับเราที่ยังโตได้ แต่เราก้าวมาอีกขั้นแล้วก็ต้องสู้ต่อไป ขณะเดียวกันเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้ก็เริ่มคลี่คลาย เป็นเรื่องมาตรการการเงินของแบงค์ชาติ ระเบิดลูกต่อมาคืองบประมาณ ที่ผ่านการพิจารณาอย่างล่าช้า รายจ่ายของรัฐบาลก็ติดลบ แต่หลังจากนี้ต้องช่วยกันให้งบประมาณที่ผ่านมาแล้ว โครงการก็ต้องทำให้ได้ และลูกระเบิดสุดท้ายคือโรคระบาด ที่ไม่ได้กระทบท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่กระทบทุกอย่าง คนไม่ออกมาร้านค้า ฯลฯ แต่ถ้าตอนนี้เราร่วมกันทำงานให้ทุกฝ่ายร่วมกัน ทุกคนก็จะมีความหวัง

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง