ไทย Recession

กสิกรไทยเตือน ‘เศรษฐกิจถดถอย’ (Recession) เสี่ยงเงินฝืด ท่องเที่ยวพึ่งพาไม่ได้

การเงิน

ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก นโยบายการค้าของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นของตลาดการค้าและการลงทุนทั่วโลก

โดยเฉพาะจากความไม่แน่นอนด้านภาษีนำเข้าและการใช้อำนาจแบบสุดโต่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทำให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการรายใหญ่ในสหรัฐฯ ต่างออกมาแสดงความกังวลอย่างหนัก

[ OECD หั่นเป้าเศรษฐกิจโลก-สหรัฐฯ ]

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2568 ลงเหลือเพียง 2.9% จากเดิมที่ 3.1% พร้อมกับปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ เหลือ 1.6%

สะท้อนความกังวลต่อนโยบายที่ไม่แน่นอนของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งด้านการคลัง การเงิน การค้า และนโยบายภายในประเทศที่มีลักษณะเป็น ‘single man command’

[ ผู้นำธุรกิจสหรัฐฯ หวั่นภาษีทรัมป์ ]

บรรยากาศในภาคธุรกิจสหรัฐฯ เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ไม่เพียงแต่ราคาสินค้าที่ไม่มีความแน่นอน แต่ยังรวมถึงภาวะการจ้างงานและต้นทุนวัตถุดิบ

โดยเฉพาะแผนการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของทรัมป์ ที่แม้จะตั้งเป้าดึงการผลิตกลับสหรัฐฯ แต่กลับส่งผลลบต่อธุรกิจปลายน้ำและ SME ที่มีสัดส่วนสูงถึง 75% ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศ

ความวิตกยังขยายไปถึงกลุ่มผู้บริโภค ที่เริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น เกิดภาวะ ‘save-first-spend-later’ และบางฝ่ายเริ่มมองว่า สหรัฐฯ อาจกำลังเข้าสู่ภาวะ ‘stagflation’ หรือภาวะเงินเฟ้อควบคู่กับเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนในวงกว้าง

[ ดอลลาร์อ่อน-เงินไหลตลาดเกิดใหม่ ]

ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ยังสะท้อนถึงตลาดทุนโลก โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่ากว่า 8% นับตั้งแต่ทรัมป์กลับสู่เวทีการเมือง

ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการคลังจากภาระหนี้ภาครัฐที่คาดว่าจะพุ่งแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง Moody’s ปรับลดเรทติ้งสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน นักลงทุนเริ่มเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) พุ่งสูงสุดในรอบหลายปี และสร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ที่แม้จะต้องการลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นต่อทิศทางของรัฐบาลกลาง

[ เศรษฐกิจไทยเสี่ยง ‘Recession’ ]

ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ปั่นป่วน เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภายนอก โดยเฉพาะผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความแน่นอน

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า หากสหรัฐฯ คงภาษี 10% ตลอดทั้งปี เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ที่ 1.8% แต่หากเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเกิด ‘เทคนิคัลรีเซสชัน’ มีความเป็นไปได้สูง

ภาคการส่งออกยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Supply Chain โลก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเคมีภัณฑ์

ขณะที่การท่องเที่ยวซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ก็เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงต้นเดือน มิ.ย.ไม่เป็นไปตามคาด และต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้หรือไม่

ทั้งนี้ ในกรณีฐาน (Base Case) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 1.4%

[ การผลิต-สินเชื่อ-ตลาดรถยนต์ ชะลอตัว ]

ภาคการผลิตได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าและความเสี่ยงด้านราคานำเข้า โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งมีแนวโน้มดัมพ์ราคาสินค้าเข้าสู่ตลาดโลก ทำให้ผู้ผลิตไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

ตลาดรถยนต์ในประเทศคาดว่าครึ่งปีหลังจะหดตัวลง -1.7% แม้จะมีแรงหนุนจากรถยนต์ไฟฟ้า BEV โดยยอดขายทั้งปีคาดว่าจะติดลบ -6.1% สะท้อนกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ สอดคล้องกับภาพรวมของสินเชื่อที่หดตัวต่อเนื่องจากความกังวลด้านหนี้เสีย

โดยล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดคาดการณ์สินเชื่อปีนี้ลงมาอยู่ที่ -0.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.6% ขณะที่อัตราหนี้เสีย (NPL) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2.7-2.97% แม้จะยังต่ำกว่า 3% แต่ก็บ่งชี้ถึงคุณภาพสินเชื่อที่เปราะบาง

[ เงินบาทแข็ง-ต้นทุนเฮดจ์พุ่ง ]

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเงินทุนยังไหลกลับตลาดเกิดใหม่ ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทแตะระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี

ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่งผลต่อต้นทุนป้องกันความเสี่ยงของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นเป็น 0.45 บาทต่อดอลลาร์

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงอาจต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อลดแรงกดดันจากค่าเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม

ทั้งนี้ ไทยมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเกิดเงินฝืด แต่ยังไม่เท่าญี่ปุ่นที่ เงินเฟ้อพื้นฐานติดลบ โดยเงินเฟ้อที่แท้จริงยังเป็นบวก และการบริโภคภาคเอกชนยังเติบโต

[ เศรษฐกิจไทยเดินบนเส้นด้าย ]

นโยบายของทรัมป์ที่ไร้แบบแผนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน กำลังผลักเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่เศรษฐกิจไทย ซึ่งพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างสูง ก็กำลังเผชิญแรงเสียดทานทั้งจากภายนอกและปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ

แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมีมูลค่ารวมกว่า 1.57 แสนล้านบาท แต่ยังคงช่วยจำกัดความเสียหายได้เพียงบางส่วน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวอย่างแท้จริง

ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จึงยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ Recession ได้หรือไม่…

KingployWriterKingploy
Dolce far Niente

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง