หอการค้า ประเมิน ‘เทศกาลสงกรานต์ 2564’ ไม่คึกคัก คาดเงินหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท หลังงดจัดกิจกรรมสาดน้ำ รวมทั้ง ยังมีการระบาดของโควิด-19

วันที่ 21 มี.ค.2564 หลังจากรัฐบาล ประกาศให้งดจัดกิจกรรมเล่นสาดน้ำและกิจกรรมต่างๆ ที่มีการรวมตัวของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 นั้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า สิ่งสำคัญตอนนี้ต้องดูแผนการฉีดวัคซีนยังไม่ชัดเจน ถ้าภาคท่องเที่ยวในประเทศยังไม่ถูกกระตุ้นในไตรมาส 2 ในปีนี้ โดยเฉพาะเราเที่ยวด้วยกันเฟส 2 ที่ยังค้างท่ออยู่ ส่วนเฟส 3 ออกมาไม่ทันในเดือนเมษายน นี้ และนักเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถเข้ามาไทยได้ตามเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประมาณ 6 ล้านคนในไตรมาส 4 ปี 64 นั้นการจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 64 ขยายตัว 4% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้คงเป็นเรื่องยากมากแต่น่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.5 – 2.8 หรือใกล้เคียงร้อยละ 3
ด้าน นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เงียบเหงากว่าทุกปี หลังจาก ศบค.ขอความร่วมมือให้งดจัดการเล่นน้ำและจัดคอนเสิร์ตในทุกพื้นที่ ทำให้เดิมทีบรรยากาศเงียบเหงาอยู่แล้ว จะเงียบเหงาขึ้นไปอีก ส่วนการประเมินรายได้การท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ยังอยู่ระหว่างการประเมิน ขณะเดียวกันทางภาคเอกชนก็ขอรอดูความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้งว่า จะมีแนวทางกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย
ด้าน นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า หลังทางภาครัฐประกาศให้ งดเล่นน้ำ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์วันที่ 13-15 เมษายน 2564 นี้ เชื่อว่า จะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวถนนข้าวสารลดลง คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวมาอยู่ประมาณวันละ 10,000 คน และมีเงินสะพัดในถนนข้าวสารประมาณวันละ 10 ล้านบาท ซึ่งหากรวม 3 วัน จะมีเงินสะพัดเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น แตกต่างจากช่วงปกติที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมียอดเงินสะพัดอยู่ที่วันละ 100 ล้านบาท ถือว่า ปัญหาของโควิด-19 ทำให้ยอดเงินสะพัดบนถนนข้าวสารหายไปกว่า 80%










