Soft (& Sweet) Power ประจำชาติ กระแสขนมไทยเติบโต ธุรกิจขนมแบ่งบาน

Soft (& Sweet) Power ประจำชาติ กระแสขนมไทยเติบโต ธุรกิจขนมแบ่งบาน

พูดถึงของหวาน แว๊บแรกคนอาจจะนึกถึงเบเกอรี่ ไอศกรีม หรือไม่ก็ช็อกโกแลต ขณะที่ ‘ขนมไทย’ อาจตามมาทีหลัง แต่ดูเหมือนตอนนี้อาจไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เมื่อขนมไทยฟีเวอร์ขึ้นด้วยหลายเหตุผล

 

ที่ผ่านมา ทั้งที่หากินง่ายไม่แพ้กัน แต่ขนมที่ใกล้ตัวเราอย่าง ‘ขนมไทย’ นั้นกลับถูกมองข้าม อาจเพราะบางชนิดเป็นขนมโบราณจริงๆ มีคนทำน้อย เฉพาะกลุ่มสุดๆ บางคนก็เขินอาย เพราะติดภาพความเก่าแก่โบราณ  

 จากสถิติของ GlobalData มูลค่าตลาดขนมหวานในไทย ปี 2025 มีมูลค่ามากถึง 14,540 ล้านบาท โดยขนมที่มาแรงอันดับหนึ่ง คือช็อกโกแลต เขยิบมาในปีนี้ มูลค่าตลาดของขนมหวานไทย เติบโตขึ้นถึง 17,048 ล้านบาท แน่นอนว่าขนมสุดฮิตจากเมืองนอกยังป๊อปปูลาร์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือ ‘ขนมไทย’ กลายเป็นเทรนด์หนึ่งที่มาแรงจนน่าสนใจ

ช่วง 2-3 ปีนี้มานี้ ขนมไทยไม่เพียงหากินง่ายตามแหล่งขายขนมใกล้บ้าน แต่ยังมีหลายแบรนด์ขึ้นห้าง หันมาจับตลาดนี้ ทั้งที่เป็นสินค้าประจำร้าน หรือขายเป็นฤดูกาลๆ ไป สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ พวกเขาพลิกแพลงขนมไทย ที่เคยถูกหลายคนมองว่าโบราณ ราคาถูก ไม่น่ากิน ให้กลายเป็นของหวานสุดป๊อป ทั้งในหมู่คนไทยและคนต่างชาติได้ จนเปิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์อันไม่รู้จบ  

***เตือนไว้เบาๆอ่านแล้วอาจจะทึ่งกับความครีเอทีฟ และอยากไปลองกินเลยทันที แต่ของหวานก็คือของหวาน กินแบบพอดีๆ นะ*** 

  

ปรับหน้าตาใหม่ให้น่ากิน โปรโมตต่อด้วยพลังโซเชียล

 ขนมไทยที่เราคุ้นเคย บางทีอาจต้องการการแต่งหน้าแต่งตัว พลิกแพลงเล็กๆ น้อยๆ ให้กลายเป็นเมนูใหม่แสนน่ากิน ที่สำคัญคือโปรโมตให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ในช่องทางที่พวกเขามองเห็น นั่นคือสิ่งที่ ‘แก้วบูทีค’ ทำ

  แรกเริ่ม ร้าน ‘แก้ว’ ถือว่าเป็นร้านขายของฝากเก่าแก่ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ที่แขกไปใครมาก็ต้องแวะ มีฮีโร่โปรดักต์เป็นมะขามแก้วรสเปรี้ยวหวาน และทองม้วนกรอบตัวดัง ถึงอย่างนั้น รายได้หลักของร้านแก้วก็มาจากนักท่องเที่ยว ที่แวะเวียนมาเฉพาะวันหยุด และมาจากกรุงเทพฯ เสียส่วนใหญ่

ทายาทรุ่นสองของ ‘แก้ว’ มองเห็นโอกาส ยกระดับแบรนด์ให้ไปไกลกว่าเดิม เพราะพวกเขาเชื่อว่าขนมสดเป็นจุดแข็งหนึ่งของแบรนด์ ที่มีศักยภาพ อร่อยไม่เหมือนใคร โดยเน้นการใช้วัตถุดิบคุณภาพ เช่น กะทิคั้นสด มะพร้าวอ่อน ใส่ลงไปในขนม เพื่อให้กลิ่นและเท็กซ์เจอร์ที่ดี

   แก้วบูทีคปลุกกระแสขนมไทยด้วย ‘ขนมชั้นแซลมอน’ สีสดใสที่ทั้งน่ากิน และ instagramable รวมถึง ‘ทองม้วนสดกรอบ’ หลากหลายไส้ที่ไปคอลแลปกับแบรนด์ของกินหลากหลาย ทั้งไอศกรีม Montagne จนได้เมนูทองม้วนสดกรอบช็อกโกแลตพราลินี่มะพร้าวอ่อน รวมถึง YOLK จนเกิดเมนูทองม้วนสดกรอบทาร์ตไข่สังขยาใบเตยน้ำตาลโตนด แถมแก้วบูทีคยังบุกตลาดกรุงเทพฯ ด้วยการออกบูธป๊อปอัพ เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าหลัก นั่นคือพนักงานออฟฟิศ จนสามารถขยายสาขาได้ 5 สาขาแล้วในกรุงเทพฯ 

 

สอดแทรกวัตถุดิบและรสชาติแบบไทยๆ ลงในขนมยอดนิยม

บางแบรนด์ไม่ได้ทำขนมไทยโดยตรง แต่ก็ยังโดดเด่นเรื่องการใช้วัตถุดิบแบบไทยๆ จนรู้สึกว่าเหมือนได้กินขนมไทย ด้วยประสบการณ์ใหม่อย่างไรอย่างนั้น อย่างที่ YOLK ทาร์ตไข่สไตล์ฮ่องกงสุดฮิตในเครือ Holiday Group ที่เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนสามารถทำยอดขายได้ทะลุ 100 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงปีเท่านั้น

ก่อนจะผุดไอเดียจับมือกับแบรนด์ไทยอีก 4 แบรนด์ สร้างสรรค์เมนูทาร์ตไข่สุดพิเศษขึ้นมา ทั้ง โอ้กะจู๋, แก้วบูทีค, Songwat Coffee Roaster และ JIANCHA จนกลายเป็นทาร์ตไข่โฉมใหม่สะดุดตา ด้วยความเชื่อว่าของกินแบบไทยๆ ไม่แพ้ชาติใดในโลก และเป็นวัฒนธรรมการกินที่แข็งแรง มีคุณภาพระดับสากล

 

แก้ Pain Point เดิมๆ ของขนมไทย

ขนมไทยบางชนิด ทั้งที่อร่อยจนหยุดมือไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมมองผ่านเพราะข้อจำกัดบางอย่าง ดังเช่นโรตีสายไหม ขนมไทยที่อยู่คู่กับประเทศเรามาเนิ่นนาน กินทีไรก็กลัวมือจะเลอะสายไหม แถมเป็นภาพจำว่าเป็นขนมดังพื้นถิ่น มากกว่าขนมที่กินได้ประจำวัน 

LAMUNN ซึ่งมีหนึ่งในเจ้าของเป็นคนคนอยุธยา ซึ่งขึ้นเรื่องโรตีสายไหมอยู่แล้ว ได้มองเห็นช่องว่างทางการตลาดในเมืองหลวง ถึงได้เกิด ร้าน LAMUNN ตั้งขึ้นครั้งแรกที่บรรทัดทอง ซึ่งชุกชุมไปด้วยนักศึกษา และนักท่องเที่ยว

 นอกจาก ทำเลทอง สิ่งที่ทำให้ LAMUNN โดดเด่นคือแป้งที่หนากว่าโรตีสายไหมทั่วไป เพื่อให้แป้งไม่ขาดง่าย แถมยังทำแผ่นรองระหว่างชั้นแป้ง และมีชุดถุงมือป้องกันมือเลอะให้ด้วย ต่อด้วยการเอาใจสายติดขี้เกียจนิดๆ ที่มีให้เลือกซื้อทั้งแบบธรรมดา และแบบที่ม้วนให้แล้ว ก่อนจะบรรจุในแพ็คเกจจิ้งสีสันสวยงาม 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการคิดเผื่อผู้บริโภค ทำให้พวกเขาสามารถตั้งราคาขาย ที่สูงกว่าโรตีสายไหมในตลาดทั่วไป 

 

หยิบขนมและวัตถุดิบแบบไทยๆ มาครีเอทเมนูใหม่ที่ user-generated ได้ด้วย

 ไม่ต้องทำขนม ก็ทำให้คนกินรู้สึกเหมือนกินขนมได้ ดังเช่นที่ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ทำ

อย่างที่รู้กันว่า กาแฟพันธุ์ไทยคือแบรนด์กาแฟที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ตลอด 13 นับแต่ก่อตั้ง ตามเป้าหมายที่อยากสนับสนุนเกษตรกรไทย ไม่ว่าจะการรับซื้อเมล็ดกาแฟไทยมาผลิตเมนู ‘ไทยริกาโน่’ อเมริกาโน่ฉบับไทยๆ รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ ที่พันธุ์ไทยเอามาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ในแคมเปญ Creative Thai Taste เช่น น้ำตาลโตนด มาสร้างเป็นเมนู ‘กาแฟตาลโตนด’  หรือกระท้อน มาทำเมนู ‘ท้อนไทยปั่นชาอัสสัม’

นอกจากนี้ พันธุ์ไทยยังปลุกกระแส ‘ขนมไทย’ ที่เราคุ้นเคยมาสร้างเมนูเครื่องดื่มใหม่ๆ กลายเป็นเทรนด์ ‘ขนมไทยดื่มได้’ เช่น เมนูขนมครกที่กลายเป็นขนมครกยกล้อ ฝอยทองที่เอามาทำเป็นเมนู ฝอยทอง Thai Tea หรือรวมมิตรที่กลาเยป็นเมนูรวมมิตรชาไทย รวมมิตรเพรสโซ และรวมมิตร UFO หรือนมสดกลิ่นมะพร้าวปั่นที่ใส่ทอปปิ้งรวมมิตร

มากกว่านั้น พันธุ์ไทยยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สร้างเมนู DIY ของตัวเอง จากวัตถุดิบทั้งหมดที่มีให้ในร้าน ทำให้เกิดเป็น User-Generated Content จากฝั่งลูกค้าเองที่หลายๆ คลิปก็กลายเป็นไวรัลในอินเตอร์เน็ต นับว่าเป็นมูฟที่สนุก และน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับฝั่งคนทำธุรกิจ

 จากตัวอย่างเหล่านี้ เราอาจเห็นแนวโน้มได้ว่า ในยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าหากคนทำธุรกิจมองเห็นโอกาส และสร้างจุดเทรนด์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค จนสิ่งที่เราคุ้นเคยมานานอย่าง ‘ขนมไทย’ ก็กลายเป็นของใหม่ที่ป๊อปขึ้นได้เช่นกัน ว่าแต่ยังมีอะไรของบ้านเราที่น่าสนุก ชวนหยิบจับมาต่อยอด จนอาจเติบโตเป็นอีกหนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ของไทยอย่างแข็งแรงได้อีกบ้างนะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง
พัฒนา Writerพัฒนา

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง