ทรู ออกผลประกอบการไตรมาส 1/2023 ซึ่งเป็นการเปิดเผยรายได้ครั้งแรก หลังควบรวม ทรู-ดีแทค ผลลัพธ์คือ ทรู ขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีหมายเลขลูกค้ามากที่สุด ด้วย 50.5 ล้านเลขหมาย ส่วนเอไอเอส อยู่ที่ 46.1 ล้านเลขหมาย
อย่างไรก็ตาม ในแง่รายได้มีอัตราลดลง และยังคงมีภาวะขาดทุน โดยมีตัวเลขสำคัญ ดังนี้
- รายได้จากบริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จำนวน 38,985 ล้านบาท ลดลง 2.0% (YoY)
- EBITDA อยู่ที่ 19,452 ล้านบาท ลดลง 8.7% (YoY)
- อัตรากำไร EBITDA (เมื่อเทียบกับรายได้รวม) อยู่ที่ 37.5%
- ขาดทุนสุทธิ จำนวน 492 ล้านบาท
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“รายได้จากการให้บริการของเรายังอยู่ภายใต้ภาวะ ARPU (Average Revenue Per User หรือ รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้า) ที่ลดลงจากผลกระทบการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่อง รายได้จากการให้บริการมือถือลดลง 2.5% (YoY) เนื่องจาก ARPU ลดลงแม้ว่าจำนวนผู้ใช้บริการจะเพิ่มขึ้น
รายได้จากบริการออนไลน์ลดลง 2.3 % (YoY) จากยอดขายบรอดแบนด์ของลูกค้าที่ลดลงท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งชดเชยด้วยการเติบโตของยอดขายองค์กรภาคธุรกิจ รายได้จากการขายสินค้าลดลง 28.9 % (YoY) เนื่องจากปริมาณการขายเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ลดลง และการเปิดตัว iPhone ที่เร็วขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2565”
นายนกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากงบการเงินเสมือนสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ทั้งหมด ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (D&A) ลดลง 5.2% (YoY)
EBITDA ในไตรมาสนี้ดีขึ้น 10.1% (QoQ) จากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time effect) จากการเจรจาสัญญาในไตรมาส 4 ปี 2565 การยุติข้อพิพาทที่กำลังดำเนินอยู่ที่เป็นผลในเชิงบวกในไตรมาส 1 ปี 2566 และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
ผลขาดทุนสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 492 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และการชำระค่าสินไหมทดแทนบางส่วน”
ในไตรมาสที่ 1 นี้มีผู้ใช้บริการมือถือเพิ่มขึ้น 676,000 เลขหมาย ไปอยู่ที่ระดับ 50.5 ล้านเลขหมาย หรือเพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว
ผู้ใช้บริการ 5G มี 6.3 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 5G มีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) ที่เพิ่มขึ้น 10-15% ผู้ใช้งานดิจิทัลรายเดือน (MAU) มี 35.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
