เมื่อ 20 ปีก่อน ‘EVEANDBOY’ อาจดูเป็นน้องใหม่ในวงการบิวตี้เซ็นเตอร์ ด้วยความที่เพิ่งเข้าตลาดและจุดกำเนิดมาจากจังหวัดมหาสารคาม แต่ล่าสุดฉลองครบรอบ 20 ปีด้วยการเนรมิต ‘แฟลกชิฟสโตร์’ ครั้งแรกบนพื้นที่ 850 ตรม. ย้ำภาพความเป็นบิวตี้สโตร์อันดับหนึ่ง ร้านที่มีสินค้าบิวตี้มากที่สุดกว่า 100,000 SKUs
บอย-หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด ได้กล่าวว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา EVEANDBOY พัฒนาตัวเองตลอดเพื่อให้การช้อปปิ้งเครื่องสำอางและการดูแลตัวเองของคนไทยง่าย สะดวกสบายมากขึ้น เน้นสินค้าหลากหลาย ในร้านจะมีตั้งแต่กลุ่มสินค้า Global Brand ไปจนถึง Local Brand มากพอให้ลูกค้าเลือกอย่างสนุกสนาน

ที่สำคัญคือ ลูกค้าจะได้อัปเดตเครื่องสำอางในกระแสและไอเทมล่าสุดก่อนใครที่ EVEANDBOY เป็นที่แรก การันตีด้วยจำนวนสินค้าในที่มาจากทั้งยุโรป อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ไทย และประเทศอื่นๆ กว่า 100,000 รายการ
[ แฟลกชิฟสโตร์แรกของ EVEANDBOY น่าสนใจอย่างไร? ]
วาระสำคัญอย่างการฉลอง 20 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งธุรกิจ EVEANDBOY มาในธีม “The Future of Beauty Legacy” โดยเป็นแฟลกชิพสโตร์แห่งแรก ณ Centerpoint Siam Square หลังจากที่ร้านสาขาในปัจจุบันมีทั้งหมดกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ
บนพื้นที่กว่า 850 ตรม. EVEANDBOY เปลี่ยนโฉมให้เป็นทั้งอาร์ตโซนผสมกับบิวตี้คอลเลคชั่นต่างๆ ที่จัดเรียงแต่ละชั้นแตกต่างกัน ชูจุดเด่นของแต่ละสินค้าให้ลูกค้าเห็นชัดเจนขึ้น

โดยชั้น 1 จะเป็น ‘Trendy Makeup Station’ อาณาจักรเมคอัพที่รวมเทรนด์ K-Beauty, T-Beauty และไอเท็มกระแสแรงจากทั่วโลก
ชั้น 2 ก็คือ ‘Skin & Hair Care Sanctuary’ โซนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมจากแบรนด์ดังต่างๆ ทั้งของคนไทยและต่างชาติ
ชั้น 3 ได้แก่ ‘Fragrance & Global Brands’ สวรรค์ของคนรักน้ำหอมและแบรนด์ดังระดับโลก
อีกหนึ่งไฮไลท์ของแฟลกชิพสโตร์ที่ ‘บอย-หิรัญ’ ตั้งใจดีไซน์ขึ้นมา ก็คือชูคาแรกเตอร์ ‘Chalotte’ ของศิลปินนักออกแบบชื่อดังอย่าง Mackcha โดยครั้งนี้เป็นการผสมผสานแรงบันดาลใจจากนักบัลเล่ต์ของ Chalotte กับ EVEANDBOY เพื่อสื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทุกคนที่สวยในแบบตัวเอง และจะยังอยู่แบบนี้ต่อไปเหมือนตลอด 20 ปีที่่ผ่านมา
บอย-หิรัญ กล่าวว่า “เรายังเชื่อว่าเสน่ห์ของการช้อปปิ้งออฟไลน์ไม่เคยหายไปไหน การที่เราได้นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษต่อลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการบริการ การสร้างบรรยากาศโดยรอบ รวมไปถึงการได้ทดลองสินค้าใหม่ก่อนใคร หรือแม้กระทั่งมุมมองการมองเห็นสินค้าที่หลากหลายให้เลือกแบบละลานตาภายใต้บรรยากาศชวนซื้อ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ของการช้อปปิ้งออฟไลน์ในทุกๆ สาขาไม่ใช่เฉพาะแค่สาขานี้”

ความสำเร็จของ EVEANDBOY ดูได้จากกลยุทธ์หลายๆ อย่างชัดเจน ตั้งแต่มุมมอง การปรับตัว และความเข้าใจลูกค้าของแบรนด์ โดยรายได้ของบริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด กำไร 3 ปีซ้อนมาตลอด ดังนี้
- ปี 2565 รายได้ 2,753 ล้านบาท กำไร 498 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 3,502 ล้านบาท กำไร 758 ล้านบาท
- ปี 2567 รายได้ 4,457 ล้านบาท กำไร 1,071 ล้านบาท
[ ปีหน้าไอเทมบิวตี้ไฮบริดมาแรง ]
ด้านเทรนด์ความสวยความงามของปี 2569 ‘บอย-หิรัญ’ มองว่า เทคโนโลยีและความงามแบบยั่งยืนจะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมองหาและให้ความสำคัญ การดูแลตัวเองแบบองค์รวมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดูแลทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึง ‘Authenticity’ หรือ การบ่งบอกความเป็นตัวเอง งามโดยธรรมชาติในแบบตัวเอง
ในส่วนบิวตี้ไอเทมที่น่าจับตามองในปีหน้า คาดว่า จะเป็นผลิตภัณฑ์แบบไฮบริด หรือมีคุณสมบัติแบบ 2 in 1 เช่น รองพื้นที่มีส่วนผสมของสกินแคร์, ลิปบำรุงริมฝีปาก, บลัชออนที่มีส่วนผสมของสารกันแดด เป็นต้น
ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ทำให้สวยและมีการบำรุงไปในตัวพร้อมกัน จะเป็นไอเทมที่ผู้บริโภคมองหามากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันในไอเทมบิวตี้รูปแบบนี้ก็จะสูงขึ้นตาม ในฐานะที่ EVEANDBOY เป็นร้านบิวตี้ที่มีสินค้ากว่าแสนประเภทยังมีข้อได้เปรียบ โดยเฉพาะเรื่องความหลากหลาย
ส่วนเป้าหมายการขยายสาขาร้าน EVEANDBOY ที่ไม่ใช่แฟลกชิฟสโตร์ ยังอยู่ที่ 140 แห่ง ภายในปี 2571 โดยจะเป็น Strategic Location ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าถึง เพื่อปรับเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่ในปัจจุบันเป็นคนไทยถึง 90% นั่นเอง











