สัญญาณเตือนเที่ยวไทย เวียดนามโชว์ตัวเลข นักท่องเที่ยวจีนพุ่งไหลมาเทมา

สัญญาณเตือนเที่ยวไทย เวียดนามโชว์ตัวเลข นักท่องเที่ยวจีนพุ่งไหลมาเทมา

ดูเหมือนเวียดนามกำลังจะคว้าแจ็กพอตท่องเที่ยวจากเหตุผลหลัก คือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนพุ่งทะลุ  และอานิสงส์จากประเทศเพื่อนบ้านที่ยังระส่ำทำให้นักท่องเที่ยวหันไปหาเวียดนาม

สิ่งที่เวียดนามส่งออกไปขายมุมท่องเที่ยวตอนนี้คือ อาหาร ประวัติศาสตร์สงคราม (สงครามเวียดนาม) และธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีซอฟท์พาวเวอร์ผ่านสื่อบันเทิงที่เวียดนามถูกใช้เป็นโลเคชั่นในภาพยนตร์ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์ และไปอยู่ในหนังบอลลีวู้ด

สำนักงานสถิติของเวียดนามระบุว่า เวียดนามมีนักท่องเที่ยวเข้ามารวม  17  ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 4  ล้านคนมาจากจีน

มีการคาดหมายว่าเวียดนามจะต้อนรับนักท่องเที่ยวชาติต่างๆ กว่า 22  ล้านคนในปีนี้ ซึ่งถือว่าทะลุสถิติสูงสุด โดยมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเป็นกลุ่มหลัก

ถ้าดูตามที่รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้าเวียดนามไว้สูงที่ 25 ล้านคน ขณะที่สำนักวิจัย BMI (ภายใต้  Fitch Solutions)  ประเมินว่าตัวเลขจริงน่าจะอยู่ราว 22 ล้านคน

หมายความว่าภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามในปี  2025 จะฟื้นตัวจนแทบสมบูรณ์ หลังจากได้รับความเสียหายหนักในช่วงโรคระบาดทั้งยังทำลายสถิติเดิมที่  18  ล้านคน ในปี  2019  ไปเรียบร้อย

เหตุผลสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวเวียดนามเติบโตส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้ามองไปประเทศเพื่อนบ้านกำลังเผชิญปัญหา อาทิ ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย‑กัมพูชา ที่ยังไม่คลี่คลาย และการประท้วงในอินโดนีเซีย ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 2 เดือน

ความสงบภายในประเทศช่วยให้เวียดนามถูกมองจากนักท่องเที่ยวต่างชาติว่าน่ามาเที่ยว เพราะมีความปลอดภัยและบรรยากาศผ่อนคลาย

ส่วนรัฐบาลเวียดนามเองออกมาตรการดึงนักท่องเที่ยวเพิ่ม อาทิ ขยายระยะเวลาการพำนักแบบไม่ต้องขอวีซ่า (visa‑free) ให้กับนักเดินทางจาก  12  ประเทศ

แน่นอนว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนเป้าหมายท่องเที่ยวจากไทยมาที่เวียดนามกันมากขึ้น

สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานบทสัมภาษณ์ของ ‘แบรนดอน มาซิมังกา’ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของ  BMI  มองว่าเวียดนามกำลังกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน แซงหน้าไทยไปแล้วในฐานะตัวเลือกอันดับหนึ่ง

เขาบอกว่า ชาวจีนจำนวนมากหลีกเลี่ยงการเดินทางไปไทยเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งยังจับจ่ายระมัดระวังมากขึ้น ทำให้เวียดนามที่อยู่ใกล้และราคาย่อมเยากว่ากลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า

ถ้าจำกันได้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Bloomberg รายงานว่า เวียดนาม “แซงไทย” ขึ้นเป็น จุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ  1  ของนักท่องเที่ยวจีน โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจาก “นักท่องเที่ยวอิสระชาวจีน” ที่เดินทางด้วยตนเองมากขึ้น แทนการใช้ทัวร์แบบเดิม

ส่วนการเปลี่ยนทิศทางจากไทยไปเวียดนามนั้น เริ่มเด่นชัดหลังเหตุการณ์ “การลักพาตัวนักแสดงชาวจีนในไทย” ส่งผลให้กระแสการท่องเที่ยวไทยตกฮวบในปีนี้

[ ท่องเที่ยวดีทำธุรกิจค้าปลีกเวียดนามฟื้น-ดันซอฟท์พาวเวอร์ไม่ต่างกัน ]

ถามว่าจุดขายของเวียดนามคืออะไร สิ่งที่เวียดนามส่งออกไปดึงดูดนักท่องเที่ยว คือ อาหาร ประวัติศาสตร์สงคราม (สงครามเวียดนาม) และธรรมชาติ (ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก)

การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลโดยตรงต่อภาคค้าปลีกในเวียดนาม ซึ่งข้อมูลของ BMI ระบุว่า ยอดค้าปลีกในช่วงมกราคม‑สิงหาคม 2025 เพิ่มขึ้น 6.7 %  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากภาคท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 48.4 % เมื่อเทียบกับ 8 เดือนแรกของปี 2024

ที่น่าสนใจพลังของวัฒนธรรมและสื่อบันเทิงที่ช่วยส่งผลให้ตัวเลขท่องเที่ยวเวียดนามดีขึ้น อาทิ ภาพยนตร์ที่ฉายในเน็ตฟลิกซ์ เรื่อง “A Tourist’s Guide to Love” ภาพยนตร์บอลลีวูดเรื่อง “Love in Vietnam” และมิวสิกวิดีโอไวรัลจากนักร้องเวียดนามหน้าใหม่

ขณะเดียวกันบริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ในประเทศ เช่น Saigon Tourist  และเครืออสังหาริมทรัพย์  Vingroup (Vinpearl)  ต่างเร่งลงทุนต่อยอดกระแส โดยล่าสุด Sun Group เปิดตัวสายการบินใหม่ เพื่อรับนักท่องเที่ยวสู่เกาะ ฟู้โกว๊ก (Phu Quoc) โดยเฉพาะ

เมื่อมองภาพรวมยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเวียดนามคือ นโยบายค่าเงินอ่อนของรัฐบาล ซึ่งแม้จะสร้างแรงกดดันแก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย (ที่ค่าเงินบาทแข็งเกิน) แต่กลับช่วยกระตุ้นทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวของเวียดนามให้เติบโต

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวเวียดนามระบุว่า ในปี 2024 ที่ผ่านมา รายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศรวมกันสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า ตอนนี้เวียดนามกำลังถูกมองว่าจะกลายเป็น “ดาวรุ่งแห่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอาเซียน” โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นแรงผลักดันสำคัญ ขณะที่ไทยและประเทศเพื่อนบ้านกำลังเผชิญแรงกดดันทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และภาพลักษณ์ความปลอดภัย

หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป เวียดนามอาจกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของประเทศที่ใช้เสถียรภาพ (ทางการเมือง) และนโยบายค่าเงินมาผลักเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กลับมาผงาดอีกครั้งในเวลาไม่ถึง  5  ปี หลังวิกฤตโควิด

Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง