“สินทรัพย์สูงสุดของสมาคม คือ นักกีฬา” คุยกับ วิศรุต ผู้ก่อตั้งเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง ในวันที่นักกีฬา ลุกขึ้น Call Out หาความเป็นธรรม

“สินทรัพย์สูงสุดของสมาคม คือ นักกีฬา” คุยกับ วิศรุต ผู้ก่อตั้งเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง ในวันที่นักกีฬา ลุกขึ้น Call Out หาความเป็นธรรม    

SPORTS

‘เป็นนักกีฬาก็เล่นไป ซ้อมไปสิ แข่งไปซิ’ ดูเหมือนความเชื่อที่ฝังรากเช่นนี้ ถูกเขย่าสุดแรง ในปี 2025 เมื่อบรรดานักกีฬายุคใหม่ เห็น ‘คุณค่า’ และ ‘พลัง’ ของตัวเอง ที่มากไปกว่าผลแพ้ชนะ

 

“นักกีฬาเริ่มคิดว่า ไม่ได้ดิ มันคือวงการของเรา ไม่ได้มีหน้าที่แข่งอย่างเดียว มีหน้าที่ทำให้คอมมูนิตี้ของกีฬาเราดีด้วย ทำให้นักกีฬาเริ่มกล้า Call Out ข้อสังเกตของ วิศรุต สินพงศพร ผู้ก่อตั้งเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง และบรรณาธิการกีฬา สำนักข่าว TODAY ฉายภาพปรากฏการณ์ที่เกิด ในวงการกีฬาไทยตลอดปีนี้ ไว้อย่างน่าสนใจ

มากกว่า ดราม่าเปลี่ยนกฎกะทันหันของสมาคมแบดมินตัน ถึงคำถามเรื่องเงินหายไปไหน ของสมาคมเป้าบิน และการหักหัวคิวนักกีฬาตะกร้อ ดูเหมือน ‘ความไม่โปร่งใสในสมาคมกีฬาไทย’ จะกลายเป็นจุดเชื่อมโยงของเรื่องราวทั้งหมด  ที่ตั้งต้นจากเงื่อนไขเลือกกันเอง ‘ที่ถูกต้อง’ จึงไม่จำเป็นต้องทำให้ ‘ถูกใจ’ แฟนกีฬา 

 

โครงสร้างอำนาจกีฬาไทย

เท้าความกลับไป วิศรุต เล่าถึง ‘โครงสร้างอำนาจกีฬาไทย’ คร่าวๆ ให้เห็นภาพ ที่มีจุดยอดสุด คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนจะแยกย่อยเป็น ‘กกท.’ หรือ การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแล 95 สมาคม ที่พ่วงท้ายด้วย ‘แห่งประเทศไทย’ และอีกหน่วยงาน คือ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่ดูแลการแข่งขันใหญ่ๆ โดยที่นักกีฬาก็จะสังกัดอยู่ในสมาคมต่างๆ ที่ กกท. กำกับดูแลนั่นเอง

“นักกีฬาสังกัดสมาคม สมาคมสังกัดกกท. กกท.สังกัดกระทรวง อำนาจก็จะไล่ๆ กัน”

อำนาจที่เกิดขึ้นของ กกท. ก็จะบริหารงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ แจกจ่ายไปให้แต่ละสมาคม ซึ่งแต่ละสามารถต้องส่งงบการเงิน กลับไปให้ กกท. ตรวจสอบ ถึงได้เห็นภาพอย่างที่ปรากฏ คือ เมื่อนักกีฬาสงสัยในการใช้เงินของสมาคมตนเอง ถึงได้มุ่งตรงไปร้องเรียนยัง กกท.

ปัญหาสมาคมแบดฯ จบไม่จริง?

ไม่เพียงในฐานะผู้สื่อข่าวกีฬา แต่เป็นคนชื่นชอบและติดตามวงการกีฬาไทยมายาวนาน วิศรุต เริ่มต้นด้วยการ ‘ชื่นชม’ นักกีฬารุ่นใหม่ หนึ่งในนั้น คือ หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักกีฬาแบดมินตัน ในวัยเพียง 27 ปี ที่กล้าเรียกร้องความเป็นธรรมกับผู้ใหญ่แบบไม่กลัว 

“(อดีต) นึกไม่ออกเลย คนที่ออกมาพูดแบบนี้ อาจถูกมองว่าเป็น ‘แกะดำ’ ของวงการ แล้วถูกผู้ใหญ่เพ่งเล็ง กีดกัน แต่เด็กสมัยนี้ไม่กลัว ชนเลย แน่มาก”

ย้อนไปไม่นาน วิศรุต ยกกรณีของ มิกซ์-รัชพล มรรคศศิธร และ หว่าหวา-นัทธมน ไล้สวน สองนักกีฬาแบดมินตันคู่ผสมไทย เจ้าของแชมป์ประเทศไทย ที่หลุดชุดลุยซีเกมส์ 2025 ทั้งที่ เดิมทีพวกเขาเข้าเงื่อนไขได้สิทธิ์ทั้งหมด 

ทว่า ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด สมาคมเปลี่ยนกฎเกณฎ์เสียดื้อๆ เหตุการณ์นี้เอง ทำให้ประชาชนเริ่มจับตามอง ‘สมาคมแบดมินตัน’ เป็นพิเศษ ว่าเหตุใดถึงไม่ปฏิบัติตามกฏที่ตนเองเคยตั้งไว้

เมื่อมาประกอบกับกรณีของ หมิว ที่ร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรม และการเลือกปฏิบัติระหว่าง นักกีฬาทั่วไป กับนักกีฬาที่สังกัดสโมสรของสมาคม ซึ่ง วิศรุต ก็มองว่า เมื่อสมาคมแบดฯ ดันมีสโมสรเป็นของตัวเอง จึงไม่แปลกที่ข้อครหาลักษณะนี้จะตามมา เช่นเดียวกับ ข้อสังเกตเรื่องการจัดการเงินสนับสนุนจากเอกชน ที่ไม่ถูกผันมาใช้กับการดูแลนักกีฬาโดยตรง

“ยกตัวอย่าง โอลิมปิกเกมส์ที่ปารีส ทีมแบดฯ ทั่วโลก มีมือนวดส่วนตัว เวลานั่งกีฬาเมื่อย หรือจะคลายกล้ามเนื้อ ทีมไทยเรียกร้องสมาคมว่าขอมือนวดประจำทีม แต่สมาคมบอกไปใช้ร่วมกับกีฬาอื่น…นักกีฬาก็มองว่า เงินทองมากมาย แค่ขอการดูแลในอีเว้นท์สำคัญ ให้ไม่ได้เลยเหรอ”

ถึงตอนนี้ สถานการณ์ดูเหมือนจะคลี่คลาย หลังหมิวประกาศกลับไปรับใช้ชาติ จากที่ขอถอนตัวศึกซีเกมส์ตอนแรก สืบเนื่องจาก ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ ในฐานะ บอร์ด กกท. ลงมาร่วมเป็นคนกลาง ทว่า ไม่มีอะไรยืนยันว่า นี่เป็นการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า หรือ จะสามารถปรับปรุงการดูแลได้ในระยะยาว “เพิ่งเริ่มเอง ไม่รู้จะแก้ยังไงตอนนี้”

 

2 ดราม่ากีฬา ที่ยังไร้คำตอบ

จะว่าไป ดราม่าตั้งต้นที่เปิดแผลวงการกีฬา คงเป็นกรณี ‘หักหัวคิว’ วงการลูกหวาย ที่ตั้งต้นมาจากตำนาน อย่าง สืบศักดิ์ ผันสืบ เหรียญทองเซปักตะกร้อ เอเชียนเกมส์หลายสมัย ตอนนั้น เจ้าตัวกล่าวถึงการแข่งขัน เอเชียนเกมส์ 2012 ที่ทัพนักกีฬาต้องได้เงินโบนัสจากกองทุนกีฬาฯ ราว 2,000,000 บาทต่อคน แต่กลับได้รับจริงเพียง 100,000 บาท เท่ากับ 95% ถูกตัดเข้าสมาคม 

“ตามหลักการแล้วไม่ได้ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ระบุชัดเจนว่า เงินทุกบาทต้องเป็นของนักกีฬาเท่านั้น และสมาคมได้เงินส่วนแบ่ง 30% อยู่แล้ว”

นั่นหมายถึงว่า สมาคมกีฬาจะได้รับส่วนแบ่งอยู่แล้ว โดยไม่ต้องไปตัดส่วนจากนักกีฬา และจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากสมาคมตะกร้อฯ เช่นกัน  

วิศรุต มองว่า เมื่อสมาคมกีฬาฯ ต่างๆ มีอำนาจในการคัดเลือกนักกีฬา จึงอาจนำไปสู่การทำขอตกลง ที่อาจบีบให้คนที่อยากติดทีมชาติ จำใจต้องรับเงื่อนไขอย่างเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่ อีกกรณีนึงเกิดขึ้นกับสมาคมเป้าบิน ซึ่ง ณี-สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักกีฬายิงเป้าบินมากประสบการณ์ ผ่านเวทีโอลิมปิกเกมส์มาแล้ว 4 สมัย ออกมาบอยคอตสมาคม ด้วยมองว่า การบริหารล้มเหลวและผิดพลาด ตอนนั้น ณี เรียกร้องขอคำอธิบาย ประเด็นการจัดการงบประมาณ ที่ไม่ถูกนำมาใช้กับการดูแลนักกีฬา 

เสียงวิพากษ์ ‘เลือกนายกสมาคม’ ล็อกสเปก เกิดขึ้นได้ยังไง?

เมื่อหลายปัญหายังไม่ถูกคลี่คลาย จึงตามมาด้วยคำวิจารณ์ถึง ‘การเลือกตั้งนายกสมาคม’ ;jkมีการผูกขาด มีนักการเมือง มีทหารเข้าไปนั่ง วิศรุต มองว่า สิ่งเหล่านี้สะท้อนอย่างเดียวเลยว่า “โครงสร้างของกีฬาบ้านเรา ประชาชนไม่เกี่ยว”

ตั้งต้นจาก หลักการเลือกตั้งนายกสมาคมของกีฬาทุกชนิดกีฬา ที่มีข้อกำหนดให้สโมสรสมาชิกเป็นคนเลือกกันเอง ประชาชนไม่มีสิทธิ์  

“คนที่อยากเป็นนายกสมาคม ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำภาพลักษณ์ให้ประชาชนรัก แค่ไปล็อบบี้เสียงของคนที่มีสิทธิ์โหวตก็พอแล้ว บางคนเลยตั้งคำถามว่า ทำไมคนนี้ถึงได้เป็นนายกสมาคม ประสบการณ์ก็ไม่มี อยู่กันคนละวงการ เป็นทหารบ้าง เป็นตำรวจบ้าง” 

กลายเป็นคำพูดทีเล่นทีจริงว่า ผลสัมฤทธิ์ของแต่ละสมาคม ขึ้นอยู่กับดวง หากโชคดีได้สมาชิกที่จับมือกันดี มีธรรมาภิบาล บริหารงานและกำหนดนโยบายไปในทิศทางที่ดี ก็ดีไป แต่ถ้าสมาคมไหนจับมือกันเพื่อเอาเปรียบ ผลก็ตามมาในทางตรงข้าม

 

สมาคมที่ทำได้ดี ยังมีอยู่จริง

จะกล่าวถึงเพียงสมาคมที่กำลังถูกตั้งข้อสังเกต แต่ไม่ชื่นชมสมาคมที่ทำได้ดี คงไม่ได้ วิศรุต เล่าว่า ใน 95 สมาคมใต้สังกัด กกท. มีหลายแห่งได้รับเสียงชื่นชมในระดับนานาชาติ อย่าง สมาคมเทควันโด ซึ่งไม่เพียงถูกมองว่าจัดการดี แต่ผลงานในระดับโอลิมปิกก็เป็นที่ประจักษ์ กับการที่ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญโอลิมปิก รวมถึง หยู-บัลลังก์ ทับทิมแดง ที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกมาครอง

“ไม่ใช่แค่เรื่องเหรียญที่เขาทำได้ ถ้าดูจากเสียงคนนอกพูดถึงสมาคมเทควันโด มีแต่แง่บวก เช่น เมื่อก่อนไม่มีสนามซ้อมตัวเอง ตั้งแต่ 2014 ก็หาทุนทำสนามมาตรฐานสูงสุดให้นักกีฬาได้ใช้”

เช่นเดียวกับแผนการจ้างเฮดโค้ช ชเว ยองซอก หรือ ชัชชัย เช ก็สืบเนื่องมาจากวิสัยทัศน์ และการคิดอย่างต่อเนื่องระยะยาว เช่นเดียวกับการดูแลนักกีฬาที่ดี เช่น การส่งไปเก็บตัวที่อังกฤษ กว่า 3 สัปดาห์ ก่อนเริ่มโอลิมปิกที่ปารีสจะเริ่ม เพื่อให้คุ้นชินกับเวลาและสภาพอากาศ “เราจะเห็นทัศนคติผู้บริหาร ไม่ต้องมาเสียดายเรื่องเงิน อะไรทำให้นักกีฬาไปข้างหน้าได้ ทำให้ทีมชาติสำเร็จ เขาทำ”

ไม่เท่านั้น สมาคมยกน้ำหนัก ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ก้าวข้ามความผิดพลาดของตัวเอง จากกรณีถูกแบนห้ามแข่ง เมื่อโค้ชชาวจีนใช้ครีมนวดกล้ามเนื้อที่มีศาลต้องห้าม แต่ท้ายสุดกลับมายืนในจุดที่ทุกคนชื่นชม

“เขารู้แล้วตัวเองผิดพลาด ช่วง 2 ปีนั้น พยายามปั้นนักกีฬาใหม่ๆ ฝึกซ้อมคนใหม่ๆ สุดท้ายพอพ้นโทษกลับมาปุ๊บ โอลิมปิกครั้งล่าสุดได้ 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง”

นี่เป็นตัวอย่างสมาคมที่ วิศรุต มองว่า ทำให้เห็นผลลัพธ์ของการบริหารจัดการที่ดี ด้วยคำชื่นชมจากนักกีฬา และคนดู ถึงอาจเป็นคำตอบว่า จุดตัดที่แบ่งแยกการยอมรับ คือ ‘ใช้งบประมาณของตัวเองดูแลนักกีฬาได้ดีแค่ไหน’

“สุดท้ายสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของทุกสมาคม คือ นักกีฬา ถ้าเกิดได้รับการดูแลที่ดี การปฏิบัติที่แฟร์ เรื่องจะไม่มีบานปลายเลย”

คอมมูนิตี้กีฬา มีมากกว่าแค่รั้วสนามแข่ง

อย่างที่ทราบกันว่า อายุงานของนักกีฬา อาจไม่ได้ยาวนานเหมือนอาชีพอื่นๆ เพราะต่างใช้ร่างกายหนักหน่วง ดังนั้น พวกเขาจึงจำเป็นต้องวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ วิศรุต เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พูดคุยกับเหล่านักกีฬา ที่ทุ่มเททั้งชีวิตกับกีฬาหนึ่งๆ ต่างต้องการต่อยอดในแวดวงนั้น อย่าง เทนนิส ที่ผันตัวมาเปิดโรงเรียน เป็นต้น

“การที่จะอยู่คอมมูนิตี้นี้ได้ยั่งยืน มันต้องสร้าง Ecosystem (ระบบนิเวศ) ที่แข็งแรง นักกีฬาเลยมองว่า สมาคมที่ตัวเองอยู่ควรแข็งแรง ป้อนนักกีฬาดีๆ ไม่ควรมีเรื่องใต้พรม” 

ถึงได้เกิดบรรยากาศที่เหล่านักกีฬา ออกมาส่งเสียง เพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ไม่ปล่อยให้นักกีฬารุ่นใหม่เดินไปตามยถากรรม “ยิ่งกีฬาของตัวเองบูมขึ้นเท่าไหร่ ตัวเองก็จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้นด้วย”

ถึงตอนนี้ ปรากฏการณ์ Call Out ที่เกิดขึ้น ยังไม่แน่ชัดว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างไร ทว่า อย่างน้อยๆ วิศรุต คาดหวังว่า แต่ละสมาคมฯ จะปฏิบัติกับนักกีฬาได้ดีขึ้น และจัดสรรงบประมาณ โดยมี ‘นักกีฬา’ เป็นแกนกลางมากขึ้น

“มองนักกีฬาเป็น priority หลักเสมอ วงการกีฬาจะเดินไปไม่ได้เลย ถ้าพวกเขาถูกดูแลไม่ดี ไม่ใช่ปล่อยให้เขาสู้ตามยถากรรม แล้วพอเขาสำเร็จ คุณก็ไปเก็บเกี่ยว”

วงการการศึกษามีคำว่า ‘Child Center’ การเรียนรู้โดยที่เด็กเป็นศูนย์กลาง คงถึงเวลาที่วงการกีฬาบ้านเรา จะคำนึงถึง ‘Athlete Centre’ เสียที เพราะเมื่อถึงวันที่สำเร็จ ทุกคนจะได้แฮปปี้ร่วมกัน วิศรุต ให้ความเห็นทิ้งท้ายไว้

SmitananWriterSmitanan

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง