ประเด็นคือ – กนย.ไฟเขียวแก้ปัญหาราคายางตก เพิ่มแรงจูงใจให้เจ้าของสวนยางโค่นต้นเก่า-ปลูกต้นใหม่ โดยจะจ่ายทันที รายละ 4,000 บาท
วันที่ 16 ธ.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 3 มาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ โดยเฉพาะส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยาง 180,000 ตัน ซึ่งเกือบเป็นไปตามเป้าหมาย ที่จะสามารถดูดซับปริมาณยางในตลาดออกได้
โดยจะต้องกำหนดไว้ว่าการประกวดราคาผู้ที่ประมูลรับจ้างก่อสร้างถนนต้องซื้อยางที่ผสมจากน้ำยางสดที่จัดจำหน่ายโดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อป้องกันการนำยางเก่ามาขาย และส่วนราชการจะต้องใช้ให้เสร็จภายใน 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค. 61 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2561 โดยแต่ละกระทรวงจะใช้เงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งมีหลายหมื่นล้านบาท แต่ไม่ใช่เป็นเงินที่มาซื้อยางพาราอย่างเดียว แต่รวมไปถึงค่าหิน ค่าทราย ส่วนวงเงินที่ใช้ซื้อยางพารานั้นจะอยู่ที่ 3-20 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินดังกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบช่วยเหลือผู้ประกอบการผลิตยาง โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือดอกเบี้ยในอัตราไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ให้ผู้ประกอบการที่เข้าไปรับซื้อยางแห้ง ภายใต้สินเชื่อก้อนใหม่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเงินที่รัฐต้องชดเชยดอกเบี้ย 600 ล้านบาท มีเป้าหมายดูดซับยางแห้งออกจากตลาด 100,000 ตัน หรือเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ของยางแห้งทั้งหมด ซึ่งผู้ประกอบการที่รับซื้อยางแห้งกลุ่มนี้ถือเป็นนักธุรกิจระดับกลางมีความต้องการใช้ยาง 500,000-600,000 ตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางลดการกรีดยางและลดพื้นที่การปลูกยาง โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะชดเชยในอัตรารายละ 4,000 บาท จากเดิมที่ได้รับอยู่แล้วรายละ 16,000 บาทต่อไร่ รวมแล้วจะใช้เงินอีก 80 ล้านบาท โดยนำเงินจากกองทุนพัฒนายางของ กยท.จ่ายให้
สำหรับเจ้าของส่วนยาง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้โค่นต้นยางเก่า แล้วปลูกต้นใหม่ทดแทน รวมถึงยางที่ปลูกอยู่ในสถานที่ราชการ เช่น องค์การป่าไม้ หรือกรมวิชาการ เป็นต้น จะหยุดกรีดยางเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง มี.ค. 2561
ซึ่งทั้ง 3 มาตรการ เป็นมาตรการเฉพาะหน้าจะทำให้ปริมาณยางลดลงและจะทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้น ส่วนมาตรการอื่นๆ เช่น การลดพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การปรับเปลี่ยนอาชีพเป็นสิ่งสำคัญ ให้เกษตรกรมีความยั่งยืนในเรื่องรายได้ อยู่ในมาตรการระยะกลาง และระยะยาวจะมีการดำเนินการต่อไป ยืนยันว่าครั้งนี้รัฐบาลมีความจริงใจ จริงจังในการแก้ปัญหา
