
ตำรวจ สงขลา และ เจ้าหน้าที่ ปปส. ร่วมกันจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ได้เป็นผู้ต้องหาเป็นชาวมาเลเซีย ที่เข้ามาขนกัญชา 64 กิโลกรัม เตรียมข้ามแดนกลับไปส่งให้เอเย่นต์ในบ้านเกิด ซัดทอดมีสาวไทยร่วมขบวนการ
พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ หรือ “ชุดตะวัน” ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าตรวจค้นภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่12 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ หลังจากได้รับรายงานว่ ามีการขนกัญชาจำนวนมากมากับรถยนต์เก๋งและมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งนี้
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบกัญชาอัดแท่งล็อตใหญ่ จำนวน 64 กิโลกรัม ซึ่งเป็นของเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติชาวมาเลเซีย พร้อมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 1 คน คือ นายซูเรส ดินาคารัน อายุ 36 ปี

กัญชาทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ในช่องลับของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน PEU 6691 ประเทศมาเลเซีย ซึ่งดัดแปลงไว้สำหรับขนกัญชาโดยเฉพาะ มีทั้งช่องลับบริเวณกันชนหลัง ช่องเก็บยางสำรองท้ายรถ และช่องลับหลังเบาะหลัง โดยมูลค่ากัญชาที่ยึดได้ราคาซื้อขายจากต้นทางในไทยราว 7 แสนบาทหรือราวกิโลกรัมละ 1 หมื่นบาท แต่หากสามารถส่งไปยังปลายทางในประเทศมาเลเซีย จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวหรือกิโลกรัมละ 3 หมื่นบาท
นายซูเรส ยอมรับสารภาพว่า แต่อ้างว่าเป็นเพียงผู้รับจ้างขนกัญชาเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย โดยได้ค่าจ้างเที่ยวละ 30,000 บาท ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยได้ขับรถเข้าไทยมาเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ทางด่านพรมแดนสะเดา โดยมีรถเบนซ์อีกคันขับนำทางแล้วมารับกัญชา ที่อ.หาดใหญ่ จากนั้นคนที่ขับรถเบนซ์ได้ขับรถเก๋งของตนไปรับกัญชามาส่งให้ตนที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ใน อ.หาดใหญ่ และได้มาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตเพื่อเตรียมขนกัญชาทั้งหมดไปให้เอเย่นต์ที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซียในวันที่ 7 เม.ย. ทางด่านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา

นายซูเรส ยังบอกอีกว่า จุดเริ่มต้นของการรับจ้างขนกัญชามาจากรู้จักกับหญิงไทยคนหนึ่งชื่อ “อองฟอง” ซึ่งเป็นหมอนวดอยู่ที่รัฐปีนัง และได้ซื้อรถคันนี้ให้โดยใช้ชื่อตน และเริ่มขนกัญชามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจะนัดส่งมอบกัญชากันที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา นายซูเรส มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย และจะเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายค้ากัญชาข้ามชาติกลุ่มนี้ ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวมาเลเซียร่วมขบวนการ









